คนไข้สาววัยประมาณสามสิบ เป็นโรคสะเก็ดเงินขั้นรุนแรง
แต่ที่ร้ายกว่านั่นคือ อาการของโรคปรากฏที่ศรีษะ ทำให้เกิดเป็นแผล น้ำเหลืองเฟะ จนผมด้านบนของศรีษะที่เกิดแผลขึ้นร่วงหมด
หลังจากผ่านมือหมอ จนเสตียรอยด์ไม่สามารถหยุดอาการของเธอได้ ก็มีโอกาสได้มาใช้ทางเลือกสมุนไพร
เธอก็ประสพปัญหาใหม่ แม้นจักมีความเชื่อสักฉันใดก็ตาม นั่นคือ ร่างกายของเธอมีสภาพแบบต่อต้านอย่างรุนแรง เมื่อเธอทานสมุนไพร นั่นทำให้การทานสมุนไพรของเธอ จึงทานได้น้อย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกกับเธอว่า โรคคือกรรม การทานสมุนไพรก็เป็นการใช้หนี้กรรมอย่างหนึ่ง เมื่อหนทางใช้หนี้กรรมทางนี้ มันทำได้น้อย ก็ต้องหาหนทางอื่นช่วย จึงแนะนำให้เธอเป็นจิตอาสา มาช่วยงานในวันพฤหัส และอาทิตย์ เพื่อเป็นหนทางบุญใช้หนี้แทน และที่สำคัญ เข้าจุดเพราะสามารถใช้หนี้เป็นกอบเป็นกำกว่าการทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว
เวลาผ่านไป การทานสมุนไพรของเธอ ก็ยังน้อยเหมือนเดิม แต่เธอก็มุ่งมั่นมาช่วยงานเป็นจิตอาสาอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ มาวันนี้ อาการของโรคเธอก็หายไป พร้อมกับผมที่กลับคืนมาจนเต็มศรีษะอีกครั้ง
หลวงพ่อนิพนธ์เล่าเรื่องนี้ เพื่อกระตุ้นคนไข้โดยเฉพาะที่เป็นโรคในระยะสุดท้าย ควรนำไปใช้ ทำตนให้สุขแก่ผู้อื่น ทำตนเป็นผู้ให้ นั่นหมายความว่า เริ่มจากคนไข้มะเร็ง ที่น่าจะถือว่าเป็นภาคบังคับ ที่ควรจะทำตนเป็นจิตอาสา ไปทำสมุนไพรในส่วนที่ตนพอทำได้ เช่นตักใส่ถุง กรอกใส่ขวด เป็นต้น
กรณีศึกษาอันนี้ ก็น่าจะเป็นแบบให้คนบางคนพิจารณาเห็นช่องแล้วเดินตาม เธอผู้นั้น
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนเสมอถึงหนทางบุญ ที่เมื่อทำแล้วให้ผลมหาศาล แม้นเรื่องที่ทำจะดูเล็กน้อย ชวนชักมาทำ ส่วนสมุนไพร ที่นี่ถือว่าเป็นของแถม ดังนั้น การมาเพื่อหวังแต่สมุนไพร ช่างน่าเสียดายนัก