วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

อย่าประมาท

หลวงพ่อนิพนธ์มักกระตุ้นเตือนให้หาเงินบุญ เก็บสะสมไว้ แม้นว่าวันนี้ ภาพที่ปรากฎของเรายังดีอยู่ก็ตาม

ด้วยเราท่านทั้งหลาย ไม่รู้ว่ามีกรรมอะไรรออยู่ในวันข้างหน้า และที่สำคัญกรรมอันนั้นมันหนักหนาสาหัสสากรรจ์ปานใด

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงอุปมาให้เราท่านเห็นว่า ชีวิตคนเหมือนเดินอยู่บนสะพานแขวน ที่มีกระดานเป็นขั้นๆไว้ให้เดิน เมื่อถึงปล้องกรรมดี กระดานนั้นก็แข็งแกร่ง เดินได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวตกลงไปด้านล่าง

หากแต่เมื่อเจอกระดานของกรรมดีไปนานๆ จนนึกว่า ทางที่จะเดินต่อไป ก็ต้องเป็นกระดานของกรรมดีอย่างนั้นตลอด แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่

เมื่อไปเจอกระดานผุ โชคดี ก็แค่หกล้ม หรือ ร้ายหน่อย พลาดไปเหยียบกระดานทะลุ แต่ก็ไม่ถึงกับตกลงเหว พยุงตัวลุกขึ้นมาได้

หากแต่บางครั้ง กระดานผุพังหลายแผ่นติดต่อกัน กว่าจะผ่านได้ ก็ลำบากหน่อย

หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า กระดานเหล่านี้ คือ กระดานของกรรมดี กรรมชั่ว นั่นเอง มีกรรมเป็นอำนาจกำหนดปล้องหรือขั้นต่างๆ อะไรจะมาแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย นอกเสียจากอำนาจเดียว คือ อำนาจบุญ จากการประพฤติธรรมตามคำสอนของพระภูมีนั่นเอง

อำนาจสมุนไพร ก็เสมือนเครื่องมือ ที่ใช้พยุงตัวให้ผ่านกระดานกรรมชั่ว ผุๆ หากแต่ก็ต้องทุลักทุเล ประคองตัว อย่างไรก็ตาม หากข้างหน้ายังมีสะพานให้เดิน นั่นคือ ยังมีพรหมลิขิต ก็เดินพ้นสะพานผุไปต่อยังสะพานดีได้อย่างแน่นอน นั่นคือ ไม่ตายแน่

หากแต่อำนาจสมุนไพร เป็นเครื่องมือที่เมื่อเราท่านใช้แล้วก็ปล่อยวาง ในขณะที่จะแน่ใจได้อย่างไรว่า กระดานข้างหน้าจะไม่ผุพังอีก

พระภูมี จึงสอนวิธีสร้างบุญ เพื่อใช้เป็นอำนาจ ซ่อมแซมสะพานที่ผุพังในภายภาคหน้า จะได้ไม่ต้องหกล้ม หรือ ตกสะพาน เดินไปจนสุดราว หรือ พรหมลิขิตได้โดยไม่ต้องกังวล

ความไม่ประมาท จึงไม่ใช่อย่างที่ได้ยิน ได้ฟัง มา หากแต่ความไม่ประมาทที่พระภูมีทรงตรัส คือ การสร้างบุญ ไว้คุ้มครองตนต่างหาก จึงมีบัญญัติ ให้คนที่เชื่อ มาทำตาม ด้วยการกำหนดทุกสัปดาห์ ต้องเสียสละ ละสัมมาอาชีพ มาทำสัมมาปฏิบัติ เป็นบุญไว้เลี้ยงตน

จึงเป็นที่มาของวันพระนั่นเอง

วันพระ จึงเป็นวันที่กำหนดให้มาสร้างพฤติกรรม กาย วาจา ใจ ตามธรรมคำสอน เพื่อเป็นบุญ เอกลักษณ์ที่เด่นชัด นั่นคือ ความสงบ การสวดมนต์ และการให้สุขแก่ผู้อื่น

วัดของพระภูมีในอดีต จึงมีโรงทาน เราท่านเมื่อไปวัดจึงไปเพื่อสละแรงกาย ทำสัมมาปฏิบัติ ทำให้คนอื่น เดินตามรอยบุญ คือ ให้สุขแก่คนอื่น แล้วสุขนั้นจะถึงตน ในขณะเดียวกัน ในเมื่อตัวเราท่านต้องทาน ต้องกิน ก็นำของติดไม้ติดมือ ไปทานกันเอง ส่วนที่เหลือ ก็ทำทานเก็บไว้ในโรงทานให้แก่คนยากไร้ คนที่ไม่มี

การไปหาพระสงฆ์ จึงเป็นคำกล่าวสืบเนื่องมาว่า ไปทำบุญทำทาน

หลายคนที่ไม่มีความรู้เรื่องศาสน์ ก็จะคิดไปว่า ไปทำไม เสียเงินเสียทอง เสียเวลาทำมาหากิน แต่ด้วยการกระทำเยี่ยงนี้เอง ผลบุญที่ได้ทำ ทำให้กระดานผุๆที่รอจะทำให้คนเดินล้มลง แข็งแกร่งขึ้นมา เมื่อไม่ล้ม ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุแห่งบุญที่ได้ทำนั้นเอง จึงไม่เห็นค่าของการทำบุญ

หากแต่ที่น่าเสียดายไปกว่านั้น บุญของพระภูมี ถูกแอบอ้าง เพื่อหากินกันมากหลาย จนไม่รู้ว่าการทำบุญที่แท้เป็นเช่นไร ผลที่ร้ายกว่านั่นคือ หลงไปทำในบุญปลอมๆนั้นๆ ยามเมื่อชีวิตคับขันต้องการบุญมาเลี้ยงตน ก็หาบุญสักกะผีกมาช่วยไม่ ตายไปจะร้องบอกใครก็ไม่ได้

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงเน้นเสมอว่า บุญของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนชี้ให้เห็น ไม่ได้อยู่ที่วัตถุ อยู่ที่การทำนิสัย และที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องทำที่วัด ทำที่ไหนก็ได้

ก็แล้วความหมายของวัด มีไว้ทำไม หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า วัดคือแหล่งรวมคนทุกข์ และนั่นย่อมหมายถึงแหล่งบุญอันมหาศาลนั่นเอง เมื่อเราท่านไป ก็ทำให้มีโอกาสได้ทำบุญมหาศาล ตามแต่กำลังกาย กำลังความคิดที่ตนมี พูดง่ายๆ ก็ตามกำลังสติของตนนั่นเอง

เมื่อเป็นแหล่งบุญ การกระทำอะไรก็เป็นบุญ แต่หาใช่ได้จากเงินทองไม่ ต้องใช้สติบังคับกาย วาจา ใจ ให้ทำ จึงเป็นบุญ

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสอนรายละเอียดให้ฟังว่า ให้สาวพุทธประวัติที่มา ที่ไป หากมีผลต่อมนุษย์แล้วไซร้ นั่นแลคือบุญ

วิหาร จะเทียบกับ มะกรูด มะพร้าวสักผลไม่ได้เลย เพราะคนเจ็บ คนทุกข์ ทานสมุนไพรแล้วหายเจ็บ แต่ไปนอนในวิหาร ช่วยอะไรไม่ได้เลย ค่าของ มะกรูด มะพร้าว จึงมหาศาลยิ่งนัก แต่ค่าของวิหาร หาแทบไม่ได้เลย เพราะไม่มีประโยชน์กับผู้ใด

ด้วยความรู้นี้ ทำให้ทราบว่า การสร้างโบสถ์ วิหาร สักเพียงไร ก็หาบุญอันใดไม่ได้เลย เพราะมีประโยชน์กับมนุษย์น้อยมาก ที่สำคัญ ก็แค่วัตถุ

จุดตายของคนทั่วไป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า มองบุญเป็นเรื่องใหญ่ คือ ใ่ช้เงิน สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร หากแต่บุญของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องเล็ก เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้

จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมคนเป็นพันนั่งอยู่ ยามลุกออกไปจากสถานที่นี้ หาคนที่เดินไปปิดไฟ ปิดพัดลม ให้ แทบจะไม่ได้เลย เพราะเขามองว่าการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นบุญนั่นเอง

แต่เมื่อสาวการกระทำไป จักเห็นได้ว่า หากค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ประหยัดได้ กลายไปเป็นค่าสมุนไพร นำไปช่วยคน ได้แม้นสักหนึ่งคน ค่าก็มหาศาลแล้ว เมื่อถามว่าเงินที่ใช้ซื้อสมุนไพรนี้มาจากไหน ก็คือเงินที่คนปิดน้ำ ปิดไฟ เขารักษาไว้ให้ ผลของการปิดน้ำ ปิดไฟ จึงมหาศาลไม่ใช่หรือ เป็นบุญที่แม้นแต่มะเร็งยังกลัว ในขณะที่เงินล้านซื้อมะเร็ง ให้แค่หายปวดยังไม่ได้เลย

คนที่ไม่ประมาท จึงเป็นคนที่พยายามรักษาสติของตนไว้ สอดส่ายสายตา หายุญเพื่อมาเลี้ยงตน พยายามให้สุขแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะนาทีทอง นั่นคือ วันพระที่ได้มานี้เอง เพราะวันนี้ คือวันกอบโกยบุญ

เราท่านจึงเห็นแม่แบบการสร้างบุญ จากหลวงพ่อนิพนธ์ และคนใกล้ชิดที่ทำตาม นั่นคือ ทำทั้งวันไม่รู้จักหยุด ที่สำคัญ ไม่รู้เบื่อหน่าย เพราะรู้ดีว่า นี่แหละวันบุญ ที่จักเก็บไว้เลี้ยงตน ถึงวันนี้ยังไม่มีกรรมมาถึง ก็ตุนไว้ก่อน จึงเรียกว่าคนไม่ประมาท

เพราะฉะนั้นอย่าสงสัยเลยว่า ทำไมสถานที่นี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงไม่ยอมให้มีวันหยุด เพราะมันคือแหล่งบุญ ที่ไว้หล่อเลี้ยง ลำพังตัวท่าน อาจจะทำมาเพียงพอแล้ว แต่คนที่อยู่ในร่มไม้ชายคา ยังต้องอาศัยบุญเลี้ยงอยู่ จะปิดบ่อบุญได้อย่างไร

ใครคิดมารับแต่สมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงเรียกคนเหล่านั้นว่า มีตาหามีแวว เพราะการมาที่นี่แท้จริงแล้ว ควรมาเพื่อทำตนตามธรรมคำสอน แสวงหาบุญ หากแต่ได้สมุนไพรเป็นของแถมต่างหาก

ภาพที่แท้จริงของวัด จึงเป็นการมาให้หรือมาเสีย มาทำนิสัย หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์เรียกการให้ หรือ การเสียนี้ว่า อุปมา กุ้งฝอยตกปลากระพง เสียเพื่อได้ เสียเพื่อจะได้ไม่ต้องตกกระได รถชน หรือ มีมะเร็ง อัมพฤกต์มารอในภายภาคหน้านั่นเอง ...

นั่นคือ ภาพที่เห็นดูเหมือนจะเสีย แต่ความจริงคือได้กำไรมหาศาล

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44