หลวงพ่อนิพนธ์พิจารณาแล้วว่า หากรอการสนับสนุนจากคนไทย หรือภาครัฐของไทย คิดว่าคงไม่มีหวัง
ดังนั้น เมื่อคิดจะเปิดศึกกับโรคอย่างเต็มตัว ก็ต้องดิ้นรนหาทุนสนับสนุนจากต่างประเทศ เช่นดั่งถ้ำกระบอก
การเปิดรับสมัครผุ้ป่วยที่จะมาเข้าคอร์ส จุดประสงค์หนึ่งก็คือ เก็บข้อมูลอย่างเป็นทางการ เพื่อเสนอขอทุนช่วยเหลือนั่นเอง
ดังนั้น ข้อมูลจึงมีความสำคัญ ในกรณีคนไข้มะเร็งที่จะมาเข้าคอร์ส ไม่จำเป็นต้องมีใบแพทย์ หากมีประวัติหรือข้อมูลการรักษา เช่นฟิมล์เอ็กซเรย์ หรือใบสั่งยา ทำนองนี้ มาแจ้งก็ใช้ได้ ทั้งนี้ จึงขอความร่วมมือ ให้ค้นและจัดเตรียมมา ยิ่งสมบูรณ์เท่าไหร่ยิ่งดี
ตัวอย่างเช่น คนป่วยมะเร็งท่านหนึ่ง ที่ได้นำฟิมล์เมื่อครั้งถ่ายตอนเป็นมะเร็งกระดูกไว้ และผลการตรวจล่าสุด ได้ถ่ายมาเปรียบเทียบ หลังจากตรวจไม่พบเชื้อมะเร็งแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
และก็เหมือนฟ้าดินส่งเสริม เพราะตอนนี้ได้คนไข้มะเร็งระยะสุดท้ายที่เป็นวิศวกร มาช่วยออกแบบและควบคุมการก่อสร้างมะเร็งให้ เป็นปฐมฤกษ์
มาสัปดาห์ที่แล้ว หลวงพ่อนิพนธ์ก็เปรยๆ ว่า อาคารนี้ต้องทำที่บริเวณสระน้ำ วิศวกรก็แจ้งว่า ฐานรากคงจะต้องใช้เงินมาก เพราะต้องใช้การเจาะเข็ม เฉพาะฐาน ก็กว่าล้านบาทแล้ว จู่ๆ ฟ้าดินก็เตะคนไข้เก่าที่เคยมา ตอนนี้เป็นอัมพฤกต์ คืนกลับมาให้
คนไข้นี้เป็นกรรมการ แต่ไม่ได้เป็นอัมพฤกต์มาก่อน มาถึงก็โวยก่อนเลยว่า ผมทานสมุนไพรของหลวงพ่อมาหลายปี ทำไมจึงเป็นอัมพฤกต์ หลวงพ่อนิพนธ์ก็เลยถามว่า ทานยังไง คนไข้ก็บอกว่า ผมมารับสมุนไพร ประมาณสี่เดือนครั้ง
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า ก็เพราะอย่างนี้ จะไปหวังผลอะไรได้ ก็ให้โอกาสและบอกว่า ต้องมารับสมุนไพรไปทานทุกสัปดาห์ ทำได้ไหม คนไข้ก็ตอบตกลง และเมื่อทราบว่าหลวงพ่อมีโครงการสร้างตึกมะเร(็ง ตนเองเป็นผู้รับเหมาตอกเสาเข็มรายใหญ่ จึงรับอาสารับผิดชอบการสร้างฐานรากอาคารมะเร็ง พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง
หากแต่ก็คงต้องช่วยกัน มิฉะนั้นก็คงมีแต่เสาเหมือนโรงพักตำรวจ หวังว่าคงไม่ทิ้งภาระให้เป็นของหลวงพ่อนิพนธ์แต่เพียงผู้เดียว
ก็ถือว่าความโชคดีของคนป่วยมะเร็ง ที่ต้นเดือนหน้า เราท่านก็จะได้เห็น โครงการนี้เกิด และหลวงพ่อนิพนธ์ก็จะได้ลดความรับผิดชอบลงในส่วนฐานรากของอาคาร คงเหลือเฉพาะแต่ตัวอาคาร