วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557

พลุ


หลายคนมาที่นี่ ต้องการหายา และด้วยความคุ้นเคย จากยาเคมีที่ทาน นั่นก็คือ สรรพคุณที่ปัจจุบันทันด่วน

นั่นเป็นความอยากที่ไม่มีวันสมปรารถนา เมื่อมาใช้แนวทางนี้ เพราะการทำหน้าที่ของสมุนไพรนั้นเฉกเช่นเดียวกับอาหารที่ทาน

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า สมุนไพรไม่ใช่ยา หากแต่เป็นวัตถุดิบ ที่ร่างกายจะนำไปใช้สร้างเป็นยา เฉกเช่นเดียวกับอาหารที่เป็นวัตถุดิบ ที่ร่างกายนำไปสร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

ดังนั้น การทานสมุนไพร จึงคล้ายคลึงกับอาหาร ทานมากกว่าร่างกายต้องการ ก็สะสมเก็บไว้ใช้ในยามขาดแคลนได้

ที่สำคัญเฉกเช่นเดียวกับการทานอาหาร หรือ ข้าว นั่นคือ การได้ทานทุกวัน แม้นจะมากบ้างน้อยบ้าง ก็ดีกว่าการทานมากๆ ในวันเดียว แต่ต้องอดไปอีกหลายวัน

ด้วยความชินกับยาเคมีนี้เอง ที่ให้ผลทันใจ ทานปุ๊บออกฤทธิ์ปั๊บ ปวดก็หายปวด เมื่อมาใช้วิธีสมุนไพร ปวดก็ยังปวดอยู่ ทั้งนี้เพื่อสร้างวิกฤตให้ร่างกายรับรู้ แล้วสั่งการ นำวัตถุดิบที่มี มาใช้แก้ไขปัญหาที่มีอย่างตรงจุด

เมื่อร่างกายรับรู้วิกฤต ก็จะสร้างภูมิขึ้นมา เพื่อสู้วิกฤตนั้น ทำให้ผลกระทบจากวิกฤตนั้น มีความรุนแรงน้อยลง

อุปมาเหมือนความปวด เมื่อยอมทนปวดครั้งแรก ร่างกายก็จะสร้างภูมิขึ้นมา เมื่อปวดครั้งต่อไป ไม่ได้หมายความว่าความปวดลดลง หากแต่ร่างกายที่มีภูมิที่แข็งแกร่งขึ้น ทนความปวดได้มากขึ้น จึงทำให้เสมือนความปวดลดลง

เฉกเช่นนักวิ่ง เมื่อเริ่มฝึกวิ่ง วิ่งระยะทาง ๑๐๐ เมตร อาจจะเหนื่อยแทบขาดใจ หากแต่เมื่อฝึกไปเรื่อยๆ ร่างกายมีภูมิแข็งแกร่งขึ้น วิ่งระยะทาง ๑๐๐ เมตร เท่าเดิม ก็ต้องเหนื่อยเท่าเดิม แต่ร่างกายมีภูมิที่ดีขึ้นจากการฝึก ทำให้เสมือนความเหนื่อยน้อยลง หรือไม่เหนื่อยเลย ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะร่างกายรับความเหนื่อยอันนั้นได้นั่นเอง

จึงไม่น่าแปลกใจที่ คนเมื่อผ่านโรคนั้นๆ มาแล้ว โดยการต่อสู้ของร่างกาย ย่อมไม่กลับไปเป็นโรคนั้นๆอีก เหมือนที่หลวงพ่อนิพนธ์ยกตัวอย่างท่านที่ยอมทนปวดท้องด้วยอาการไส้ติ่ง ไม่ยอมผ่าตัด ๒ วันเต็มๆ หลังจากผ่านอาการนั้นมา นับแต่ปี ๓๐ ก็ไม่เคยปวดท้องอีกเลย ก็เพราะภูมิของระบบท้องลำไส้ มันแข็งแกร่งสุดๆ แล้วนั่นเอง

ความที่สมุนไพรทำงานแบบอาหารนี้เอง ทำให้หลายคนชะล่าใจ ในการมาใช้แนวทางแม่ชีเมี้ยน

คนเหล่านั้นมักจะแฝงความคิดที่ว่า ต้องกล้ำกลืนฝืนทนมาใช้แนวทางนี้ เพราะไม่มีทางเลือก เมื่อมาแล้ว ก็ต้องถูกบังคับ ทำโน่น ทำนี่ ที่ตนเองไม่ชอบ หรือจะเรียกได้ว่า ฝืนใจอย่างสุดๆ แต่ด้วยโรคก็จำยอม เพราะหมดหนทางแล้วนั่นเอง เรียกได้ว่า ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่มานั่งทนอย่างนี้

เมื่อใช้แนวทางสมุนไพรไประยะหนึ่ง ผลแห่งการทำถูกก็ทำให้สภาพร่างกายดีขึ้น จนระดับหนึ่งที่ตนเองเริ่มพอใจ ความคิดเดิมก็จะกลับมา นั่นคือ ไม่เอาแล้ว ไม่ทนแล้ว เบื่อที่ต้องมานั่งฟัง ก็เริ่มจะมาบ้างไม่มาบ้าง

ผลก็คือ ร่างกายก็ยังดีอยู่ ดีวันดีคืน การมาก็เริ่มจะห่างขึ้น จนในที่สุดก็ไม่มาเลย หากแต่ร่างกายก็ยังดีอยู่ ไม่มีปัญหาใดๆ

ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะคนเหล่านั้น ยังมีสมุนไพรตุนอยู่ในยุ้งของร่างกายนั่นเอง เหมือนไขมันที่เก็บในพุง ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อคนเหล่านั้นหยุดทานสมุนไพร ร่างกายก็ยังมีวัตถุดิบให้ร่างกายได้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง

อุปมาเหมือนพลุไฟ แม้นไฟที่ส่งพลุขึ้นไป จะมอดไหม้หมด แต่พลุก็ยังคงลอยสูงขึ้นไป จากแรงส่ง รอจนกระทั่งแรงส่งนั้นหมด คนเหล่านี้ก็เหมือนกัน เมื่อสมุนไพรในยุ้งของตนหมด การที่ปรากฎก็คือ การหวนคืนมาของอาการ เพราะร่างกายไม่มีวัตถุดิบ จากสมุนไพรมาช่วยตน

เมื่อเริ่มมีอาการหวน ก็กลับไปใช้บริการของหมอเช่นเดิม แต่ก็ซ้ำรอยเดิม ในไม่ช้าอาการก็จะมากขึ้นๆ บางคนก็อายที่จะกลับมา บางคนก็ขอกลับมาทานอีก

การทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักสอนว่า อุปมาเหมือนการตีงู ต้องตีให้ตายในคราวเดียว มิฉะนั้นมันจะแว้งกลับมาเล่นงานเราได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ก็รู้อยู่ว่า หลักของพระภูมีมันทำยาก คนไม่คุ้นเคย ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่มาใช้กันหรอก หากแต่เมื่อมาแล้ว ก็ต้องทำให้จบราว คือ หายโรค เมื่อหายแล้วจะไปทำอะไรก็ช่าง

คนที่มาทานแบบ พอดีขึ้นก็ไปแล้ว พอมีอาการก็มาใหม่ เรียกว่าแบบกินเล่น ... มาก็หวังแต่รับสมุนไพร อย่างอื่นไม่สน เขาฟังคำสอน ตัวเองนั่งเล่นโทรศัพท์ อ่านหนังสือ คุยกัน .... เสียเวลาเปล่า ทั้งผู้มา และผู้ให้ เพราะไม่มีทางเลยที่คนเหล่านี้จะประสพผลในการหายโรค ... เป็นไปไม่ได้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักสอนว่า เรื่องของชีวิต ไม่ใช่เรื่องเล่น ต้องจริงจัง ก็รู้อยู่ว่าคนส่วนใหญ่ที่มา ไม่ชอบในสิ่งที่ให้ทำ แต่มันเป็นสิ่งจำเป็น ถึงกระนั้นก็ไม่บังคับ เมื่อไม่อยากทำ ก็ไม่ควรมา เปิดหน้าเล่นกันเลย พูดได้เต็มปากว่า ไม่มีทางสำเร็จ ... เพราะหลักของพระภูมี คนที่ทำได้เท่านั้น จึงจะได้รับผล จากการหายโรค อย่ามาเพราะกระแส อย่างดีก็เป็นได้แค่พลุ ไปได้สักระยะ เดี๋ยวก็ต้องตก

ความแตกต่างที่เด่นชัดของยาเคมี ที่ให้ผลปัจจุบันทันด่วน หมดฤทธิ์ยาก็หมดสรรพคุณ อยากได้ก็ต้องทานใหม่ ในขณะที่สมุนไพร ทานเพื่อเป็นวัตถุดิบเก็บในยุ้ง รอให้ร่างกายนำไปใช้เป็นยา ทานมากก็มีเก็บมากเหมือนไขมัน จึงมีพอที่จะใช้ในยามที่มีทานน้อย ดังนั้นไม่ต้องวิตก แม้นบางช่วงจะขาดสมุนไพรบางตัวไปก็ตามในระยะสั้นๆ ร่างกายก็ไปเรียกมาจากยุ้งของเราก่อนได้


ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44