ฝ่ายทะเบียนแจ้งว่า ตอนนี้มีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งประมาณ ๑๒๐๐ คน ที่มาใช้บริการของชมรมคนรักสุขภาพอยู่
และหลังจากเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความจำนงในการเข้าคอร์สมะเร็ง ซึ่งรับจำนวน ๓๐๐ คน ตอนนี้ก็ทะลุเกินพิกัดแล้ว
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า กระบวนการหลังจากนี้ ก็จะคัดกรอง คนที่มีคุณสมบัติ เพื่อเข้าสู่คอร์สดังกล่าว
พฤหัสที่ผ่านมาคนไข้มะเร็งที่เป็นวิศวกร ก็ได้นำแบบแปลนมาให้หลวงพ่อนิพนธ์ดู และร่วมกับกรรมการที่เป็นอัมพฤกต์ เพื่อดำเนินการสร้างฐานรากของอาคาร
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกำหนดวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ เป็นปฐมฤกษ์ในการเทฐานของตัวอาคาร อันเป็นปฐมฤกษ์ของการเปิดหน้าสู้ โดยจะรับคนป่วยมะเร็งมาเข้าคอร์ส
ในขณะที่วันจันทร์ ก็จะต้องเดินทางไปเปิดอาคารที่ทวาย และวางปฐมฤกษ์ในการนำสมุนไพร หลายพันต้น ไปปลูกในแผ่นดินพม่า เพื่อที่จะเป็นวัตถุดิบรองรับในอนาคต พร้อมกับการติดตามของคณะกรรมการ เพื่อไปแจกของให้แก่นักเรียนของพม่า ในหมู่บ้านมิต้า ที่เป็นสถานที่ตั้ง ของมูลนิธิในพม่านั่นเอง
นั่นหมายถึง ความรับผิดชอบที่มหาศาล ทั้งฝั่งไทยและพม่า ที่รออยู่ ...
ปัจจัยหลักที่จะทำให้กิจกรรมสามารถดำเนินได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง จึงอยู่ที่การแปรรูปสมุนไพร เพื่อกักเก็บในยามที่วัตถุดิบมีบริบูรณ์ โดยเฉพาะยาเขียว
ฟ้าดินท่านก็เป็นใจ เพราะฝ่ายเก็บใบยาแจ้งแก่หลวงพ่อนิพนธ์ว่า ได้พบแหล่งต้นยามหาศาล ในบริเวณเขตทหาร จ.ลพบุรี หากแต่ยามนี้ต้นยาได้ทิ้งใบไปก่อนแล้ว
อันเป็นสัญญาณว่า หน้าฝนที่จะถึงนี้ ชมรมของเราท่าน ก็จะมีใบยารอให้เก็บมหาศาล
หลวงพ่อนิพนธ์จึงตัดสินใจที่จะลงทุนซื้อเครื่องจักร เพื่อใช้ในการแปรรูปสมุนไพร เพื่อรองรับงานที่จะมาในอนาคตอันใกล้
ฟ้าดินก็เตะส่งเจ้าของโรงงานเครื่องจักรที่ใช้แปรรูป ให้มาได้พบเจอะเจอ แล้วยินดีในสิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ทำ พร้อมสนับสนุน
ด้วยการเชื้อเชิญให้หลวงพ่อนิพนธ์ไปเยือนโรงงาน แล้วเลือกว่าต้องการเครื่องจักรตัวใดบ้าง ทั้งนี้จะคิดในราคาทุน แต่มีข้อแม้ว่า หลวงพ่อนิพนธ์ต้องไปด้วยตนเอง ... ห้ามใช้ตัวแทน ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ก็ตอบรับ
หลายงานที่มาประดังรออยู่ นั่นหมายถึงก้อนเงินอันมหาศาลที่จะต้องนำมาลงทุน ในขณะที่หลวงพ่อนิพนธ์ไม่มีทุน หรือการสนับสนุนจากภาครัฐแม้แต่น้อย
หากแต่สิ่งนี้ ก็จักเป็นการพิสูจน์คำของแม่ชีเมี้ยนว่า คนทั่วไป มีเงินจึงสร้างสิ่งที่ตนปรารถนาได้ หากแต่หลักของพระภูมี ผู้ที่มีบุญ หรือ มีใจเป็นบุญ และทำกิจกรรมเพื่อก่อเกิดบุญ ก็สามารถทำได้เช่นกัน แม้นตัวจะไม่มีเงินเลย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนให้พิจารณาว่า เราท่านควรทำตน ไปทำตนเป็นผู้เสียสละ แบกอิฐ แบกปูน ช่วยกันสร้างอาคารนี้ขึ้นมา เมื่อแล้วเสร็จ ไปนอนก็ไม่เป็นหนี้ใคร เพราะมีส่วนของเราท่านอยู่ หากแม้นผู้อื่นมาใช้ แล้วพ้นทุกข์ ก็จักเป็นบุญย้อนมาสู่เราท่านผู้มีส่วนด้วยเช่นกัน
หนทางนี้ มีตัวอย่างให้เห็น อาทิเช่นอาคารมูลนิธิ ที่เป็นส่วนของโครงหลังคาทั้งหลัง นั้นทำโดยคนตาบอด ที่มีสาเหตุมาจากการเป็นช่างเชื่อมมือหนึ่ง ในการเชื่อมท่อแก๊ส ของบริษัทอิตัลไทย และประสบอุบัติเหตุ ฐานของท่อแก๊สที่อยู่ห่างไปสองกิโลเมตรเกิดระเบิด แล้วแรงอัดวิ่งมาตามท่อ ทำให้ตาบอด
หากแต่ด้วยฝีมือที่สุดยอดของเขา เขาสามารถใช้มือคลำ ฟังเสียง แล้วก็ทำงานเชื่อมได้ ขณะที่นั่งรอสมุนไพร ได้ยินว่าต้องการช่างเชื่อม ก็อาสามาเชื่อมให้ตั้งแต่เริ่ม จนวันสุดท้ายที่เขาเชื่อมเสร็จ ก็ตะโกนด้วยเสียงอันดัง จนหลายคนตกใจถามว่าเป็นอะไร เขาก็บอกว่า ตาของเขาสามารถมองเห็นแล้ว
หนทางเช่นนี้ ถูกใช้มาตั้งแต่ถ้ำกระบอก สำนักลพบุรี เรื่อยมาจนบ่อพลอย และไม่เว้นที่ศาลาขนมไทย ด้านหน้าถนนที่ถูกรื้อไปแล้ว
ภาพที่เราจำได้ นั่นคือ คนไข้ที่เคยทำงานออกแบบวังของสุลต่าน ในตะวันออกกลาง ที่เป็นโรคลม ตัวแข็งเป็นหิน ทำให้ถูกส่งตัวกลับ แล้วมารักษา เป็นผู้ออกแบบ และควบคุมการสร้างศาลาขนมไทยให้ จนสามารถผ่านการตรวจของแพทย์กลับไปทำงานได้
ปฐมฤกษ์นี้ จึงถือว่าเป็นหนทางอีกสายหนึ่ง ที่จะช่วยในการฟื้นฟูตนของผู้ป่วย ได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกหากใครได้ดูภาพเดิมๆ จักเห็นคนเข้าแถวยาวเหยียด หิ้วปูน หิ้วหิ้น หิ้วทราย ช่วยกันก่อสร้าง ... แม้นแต่อาคารสวดมนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแรงงานของคนป่วยทั้งสิ้น
ในวันงานแม่ชีเมี้ยนที่ผ่านมา เราได้พบเจอคนไข้ท่านหนึ่ง ที่ภรรยามีลูกยาก หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้มาช่วยกันสร้างอาคารสวดมนต์ จนภรรยาตั้งครรภ์ ได้ลูกสมใจ
เราจึงเชิญชวนให้คนที่สนใจ มาลองใช้หนทางนี้ในการฟื้นฟูตน แล้วดูผล ... เพราะโอกาสแบบนี้ นานๆ จะมีสักครั้ง อย่าพลาดที่จะทิ้งรอยมือรอยตีน