เมื่อครั้งถ้ำกระบอก เปิดรับรักษาผู้ป่วยยาเสพติด สมุนไพรที่ใช้ก็มีเพียงไม่กี่ขนาน เพราะใช้ ยาตัด เป็นตัวหลักในการล้างโรค และมีสมุนไพรอีกไม่กี่ตัว ใช้ฟื้นฟูร่างกาย
ภาพที่คนจดจำ มักจะเป็นการอาเจียน หลังจากการทานยาตัด นั่นเอง
หากแต่ความจริงแล้ว ลักษณะของอาการหลังจากการทานยาตัด แยกออกเป็นสองประเภท
ประเภทแรก คือบุคคลที่มีเมือก เสมหะ หรือตะไคร้ อยู่ในร่างกาย เมื่อทานยาตัดแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะถูกขับออกมา มีสภาพเป็นเมือกเหนียว และผู้ทีทานยาตัด ก็จะมีอาการส่ายหน้าไปมา ในขณะที่ฤทธิ์ยากำลังขับ ด้วยเหตุที่เมือกเหนียวไม่ยอมหลุด จึงไหลย้อยเป็นทางยาวและแกว่งไปมา ยาตัดสำหรับคนกลุ่มนี้ จึงได้ฉายาว่า "ช้างสะบัดงวง"
สำหรับคนไข้อีกประเภท ที่เป็นโรค แต่ไม่มีเมือกเหนียว เมื่อทานยาตัด ร่างกายจะรีดโรคมาอยู่ที่กระเพาะ เมื่อได้เวลา พระก็จะให้ทานน้ำ ร่างกายก็จะรีดโรคเหล่านั้นออกโดยการอาเจียน ดังที่เห็นกันทั่วไป ขณะที่อาเจียนก็จะได้ยินเสียงโฮกฮากดังสนั่นแข่งกัน ยาตัดสำหรับคนกลุ่มนี้ จึงได้ฉายาว่า "ราชสีห์คำราม"
คนรุ่นเก่าก็เริ่มจากไป จะเหลือคนรุ่นแรกๆ ในยุคถ้ำกระบอกก็น้อยกว่าน้อย ทำให้รายละเอียดในการทานยาตัด หายไป คงเหลือไว้แต่ภาพการอาเจียน ที่พบเห็นจากหนังเรื่อง "น้ำพุ" ก็เท่านั้น
หลายคนที่ทราบประสิทธิภาพของยาตัด ก็อยากทาน ด้วยความอยากหายโรค หากแต่รายละเอียดที่หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า ผู้ที่จะทานยาตัดนั้น ต้องอาศัยคุณสมบัติ เพราะความเฉียบขาดในการหายโรค นั้นแลกมาด้วยคุณสมบัติ อันหมายถึงชีวิตเป็นเดิมพัน
ผู้ป่วยยาเสพติดในอดีต ก่อนที่จะได้รับการบำบัด จึงต้องทำความเข้าใจ เมื่อตกลงใจ ก็ต้องรับข้อปฏิบัติ ซึ่งในยุคถ้ำกระบอกเรียกสิ่งนี้ว่า "สัจจะ" ที่เล่าลือกันว่าใครทำผิด มีผลถึงตายเลยทีเดียว
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น หลวงพ่อนิพนธ์เล่าว่า แม่ชีเมี้ยนชี้ให้เห็นว่า บุคคลที่เป็นโรค นั่นหมายถึง เป็นคนมีกรรม และกรรมสรุปแล้วให้หมดความสามารถในการสร้างกรรมเพิ่มขึ้นอีก เมื่อใช้สมุนไพรของพระภูมี เข้าไปสอด นั่นหมายถึง คนๆ นั้น ต้องกลับตัวเป็นคนดี สร้างกรรมอีกไม่ได้ อาทิ คนที่เป็นมือปืน มาทานแล้วหายโรค จะกลับไปเป็นมือปีนอีก คนที่ถูกยิงตาย ก็จะฟ้องฟ้าดินว่า ผู้ให้สมุนไพร ทำอย่างนี้ได้อย่างไร ฟ้าดินช่วยคนๆนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาหมดความสามารถในการทำบาป แล้วช่วยให้เขาดีขึ้นมายิงคนอีก
ดังนั้น เมื่อสมุนไพรมีฟ้าดินเป็นผู้ดูแล ดังนั้น คุณสมบัติของผู้ทาน ฟ้าดินก็จักเป็นผู้ตัดสิน เมื่อผิดคำมั่นสัญญา หรือ ผิดสัจจะ ก็ย่อมหมายถึงผู้นั้นไม่ตายด้วยโรค แต่ต้องตายด้วยวิธีอื่นแทน
ก็เหมือนในหนังน้ำพุนั่นแหละ เมื่อให้สัจจะว่า จะไม่กลับไปเสพ แล้วไปเสพ ผลจึงเป็นเช่นนั้น ...
ด้วยเหตุนี้เอง หลวงพ่อนิพนธ์เกรงว่าคนที่มาจะทำไม่ได้ จึงต้องหยุดใช้วิธีนี้ แล้วเลือกวิธีอ้อมแทน แม้นจักช้าหน่อย แต่ก็ทำให้คนได้ปรับตัว ปรับความคิด ปรับพฤติกรรม หากคนผู้นั้นยืนระยะ พิจารณาในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง แล้วทำได้ ก็หายโรคเช่นกัน หากไม่ทำ ก็กลับคืนสถานะเดิม ไปอยู่ในโลกของเขา ไม่ต้องมาเสี่ยงกับความแรงของสัจจะของพระภูมี ที่แม้นให้ผลเฉียบขาด แต่โทษก็มหาศาลเช่นกัน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่าวิธีหายโรคของพระภูมี จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย เพราะจุดประสงค์เดียวของพระภูมีก็คือ เป็นคนดี หากเดินในเส้นทางนี้ ไม่ว่าโรคใดก็หาย หากแต่มีลับลมคมใน โรคมันก็จะลับลมคมในอยู่ในตัว สมุนไพรค้นไม่เจอ นั่นจึงเป็นเหตุที่มาของคำว่า ใครทำ ใครได้ ... หรือ ทำอย่างไรได้อย่างนั้น โดยผู้ที่ทำสมุนไพรไม่ต้องกังวล เพราะถึงผู้ทำให้ไม่รู้ แต่ฟ้าดินเขารู้ สมุนไพรเขารู้
อนาคตอันใกล้ คือ หลังจากวันงาน หากแม่ชีเมี้ยนอนุญาตให้ทำต่อได้ เราท่านอาจจะได้เห็นหลวงพ่อนิพนธ์เรียกผู้ที่มีคุณสมบัติ แล้วไปทานยาตัด เราท่านจะได้เห็นผลอันเฉียบขาดของสมุนไพรพระภูมีว่า เป็นเช่นไร
ภาพเก่าๆ ที่หลวงพ่อนิพนธ์เคยถ่ายเก็บไว้ โดยเฉพาะคนป่วยมะเร็ง ที่เมื่อทานยาตัดจนถึงแก้วสุดท้ายแล้ว สิ่งที่จะหลุดออกมาให้เห็นนั่นคือ รังของมะเร็งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร ที่ออกมาเป็นเหมือนวุ้นดำคล้ำ แล้วมีจุด มีขา ที่ฝรั่งให้ฉายาว่าปู นำมาวางบนใบตอง แล้วถ่ายรูปไว้ กว่า ๖๐ ภาพ จะกลับมาให้เห็นอีกครั้ง
ใครคุณสมบัติถึง ก็เตรียมเสื่อผืน หมอนใบ กระโถนใบ กระดาษชำระ และก็เหยือกน้ำรอได้เลย ...
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเล่นๆ ใครอยากทาน เคยด่าเมียก็ต้องให้สัจจะไม่ด่าเมีย เคยทานเหล้าอาละวาด ก็ต้องให้สัจจะไม่ทานเหล้า ... หากกล้าเดิมพัน ก็มา ... ขอย้ำ หากผิด แลกด้วยความฉิบหาย หายนะถึงชีวิต หากทำได้ นอกจากหายโรค ยังเจริญรุ่งเรือง ด้วยความดีที่ทำนั่นเองจะส่งให้