วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

กว่าจะมาเป็นสมุนไพร

แม่ชีเมี้ยน ทรงเรียก ยาตัด ว่า "ราชาแห่งสมุนไพร" เพราะมีสรรพคุณที่เฉียบขาดในการรักษาโรค แต่ก็แลกมาด้วยความเฉียบขาดในการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ทานเช่นกัน

เป้าหมายของธรรมของพระภูมี มีเพียงอย่างเดียว คือ สร้างปูชนียบุคคล

ดังนั้น แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสว่า สมุนไพรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ธรรมชาติสร้าง มีวิญญาณ มีฟ้าดินเป็นพี่เลี้ยง คนที่จะทำสมุนไพรให้เกิดผล จึงต้องเป็นคนมีคุณธรรม มีความโลภไม่ได้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักย้อน เมื่อครั้งที่เกิดความดีใจเมื่อแม่ชีเมี้ยนทรงบอกสูตรสมุนไพร และสอนว่าต้นสมุนไพรที่สำคัญ มีราคาแพง เป็นเช่นใดให้รู้

ความคิดแรกๆ ที่ผ่านเข้ามา นั่นคือ สามารถนำไปหากินสร้างความร่ำรวย เมื่อแม่ชีเมี้ยนให้ลองเดินหา ก็ไปด้วยความยินดี หากผลที่ปรากฎหาเท่าไรก็ไม่เจอ

แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ทาง และสอนย้ำว่า สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ ย่อมรู้เจตนาของผู้ทำ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อยู่กับคนที่ไม่มีคุณธรรม ดังนั้น หากอยากจะพบเจอ ก็ต้องตั้งจิตอธิษฐาน ว่า เจตนาในการหาเพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ แล้วก็นั่งสำรวมจิต สวดมนต์ในยามเที่ยงคืน เมื่อเสร็จกิจก็ลืมตา

ภาพที่ปรากฎแก่หลวงพ่อนิพนธ์ นั่นคือ ต้นไม่ที่ท่านหา ปรากฎเป็นแสงเรืองรอง เนื่องจากเปลือกของมันมีฟอสฟอรัส เป็นประกายเห็นเด่นชัด เหมือนพรายน้ำในนาฬิกา นั่นเอง แม่ชีเมี้ยนจึงกล่าวว่า ท่านก็นำเชือกไปผูกไว้ก่อน เพื่อจะเป็นที่สังเกต

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ต้นสมุนไพรนั้นก็มีสภาพเหมือนต้นไม้อื่นทั่วไป เป็นที่ยากแก่การแยก หรือ พบเห็น จะรู้ก็เพียงแต่เชือกที่ได้ผูกไว้แล้วนั่นเอง

ความมหัศจรรย์ของต้นสมุนไพรที่มีค่าแก่ชีวิตมนุษย์ ล้วนแล้วแต่เกินกว่าความรู้มนุษย์ทั่วไปจะเข้าถึง และรู้คุณค่า กรรมวิธี

ยาตัด ที่เรียกกันว่าเป็นไม้ตาย ของถ้ำกระบอก สร้างชื่อจนโด่งดัง ที่แม่ชีเมี้ยนสอนท่านจำรูญ ก็ยังหาใช่ ยาตัด ที่ครบสูตรไม่

แม่ชีเมี้ยนทรงรู้ล่วงหน้า ดังนั้น เมื่อจะละสังขาร ได้เรียกหลวงพ่อนิพนธ์ไปนำตำราออกมา พร้อมกับสำทับว่า ทุกสิบปี ยาตัด ก็จะเริ่มไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้ ดังนั้น จึงกำหนดว่า ในแต่ละสิบปี ต้องเพิ่มสมุนไพรตัวใดเข้าไป เพื่อให้สรรพคุณของยาตัด ทันต่อโรคในสภาวะปัจจุบันนั้นๆ

และที่เราเห็นว่ามหัศจรรย์อย่างยิ่ง ที่หลวงพ่อนิพนธ์เล่าให้ฟัง นั่นคือ แม่ชีเมี้ยน ทรงสอนให้รู้จักสมุนไพรชนิดหนึง ที่หลวงพ่อนิพนธ์เรียกว่า เป็นสมุนไพรชุบชีวิต เลยก็ว่าได้ เมื่อใดที่คิดว่าตนเองพร้อม มีจิตใจแน่วแน่ ก็ให้ไปหามาผสมในสมุนไพร

คุณสมบัติของต้นสมุนไพรดังกล่าว จะมีหมอกพิษปกคลุมต้นตลอดเวลา ในปีหนึ่งจะมีวันเดียว และแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่หมอกพิษนั้นจะหายไป

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักบอกเสมอว่า เรื่องสมุนไพรเป็นเรื่องที่ต้องใช้วันเวลา จะใจร้อนไม่ได้ แม้นแต่ตัวผู้ทำ เมื่อรู้สรรพคุณ ก็มักเกิดความโลภ ตัวท่านเองจึงต้องควบคุมจิตใจ หากใจยังไม่นิ่ง ก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะนำสมุนไพรสูตรเด็ด ที่ให้ผลอันเฉียบขาด มาทำให้ เพราะเกรงว่า ตัวเองจะเสียเหมือนพี่ชายนั่นเอง

หลายสิบปีนี้ จึงมักใช้วิธีอ้อมในการช่วยคนป่วย มาตลอด แม้นจะช้าแต่ก็ได้ผลเช่นเดียวกัน หากคนผู้นั้นเชื่อและทำตาม

แล้วก็รอวันที่จิตใจนิ่ง ... เราคิดว่า เมื่อถึงวันนั้น ก็จะได้เห็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเฉียบขาด เป็นทางเลือกให้แก่มนุษย์ ที่สำคัญ รอดปลอดภัย ทั้งผู้ทำ และผู้ทาน ไม่ล่มสลาย แพ้ภัย กลายเป็นถ้ำกระบอกภาค ๒

ฟังเรื่องสมุนไพร ยังคิดว่า ในโลกเรามีสมุนไพร หรือ ต้นไม้แบบนี้ด้วยหรือ

นั่นจึงเป็นเหตุที่หลวงพ่อนิพนธ์มักสอนว่า ทานยา ทานสมุนไพร อะไรต่ออะไรมากันก็เยอะ แล้วเป็นไง หายไหม เมื่อมาที่นี่ สอนให้ไหว้ ให้กราบ สมุนไพร เทิดไว้ที่สูง ไม่มีที่ไหนเขาสอน เขาทำกัน แต่นี่แหละ คือ สิ่งที่จะช่วยชีวิตได้

วิชาสูงส่งเยี่ยงนี้ พระภูมีให้ แม่ชีเมี้ยนก็นำมาให้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็เดินตาม ทำให้ รออีกอย่างเดียว คือ วัตถุดิบ ที่เกิดมาจาก การให้ ...

หากทุกคนที่มาเข้าใจ อยากให้ประสิทธิภาพของสมุนไพรบังเกิดสูงสุด ก็ต้องมีหน้าที่เป็นผู้ให้ เป็นพระเวสสันดร รับหน้าที่นี้ ... มาครั้งใด มีพริกไทยขีด มะกรูดหน่อย มะพร้าว สักทะลาย ดีปลีสักกำมือ ... ติดไม้ติดมือ มากองกันโรงทาน กินเองส่วนหนึ่ง เหลือนั้นทำทาน

ผลแห่งความบริสุทธิ์ก็จะเกิดอานุภาพเต็มเปี่ยม ด้วยคุณธรรม ตลอดสายที่มาของสมุนไพร ... แต่ก็เป็นเรื่องยาก หลวงพ่อนิพนธ์คงต้องเหนื่อยพูดอีกนาน เพราะมนุษย์มันมีกรรม มิหนำซ้ำอาจพาลไปโน่นนี่ ตามความคิดต่ำๆ ซะอีก

สถานที่นี้ จึงไม่ควรนำเงินมากอง หากแต่นำสมุนไพรวัตถุดิบมากองกันให้เต็มโรงทาน ผลที่เกิด นั่นคือ สามารถทำให้ทุกคนมีสมุนไพรทานเต็มที่ เพียงพอต่อความจำเป็นของแต่ละคน

และเมื่อคุณสมบัติถึง หลังจากการฟื้นฟูด้วยสมุนไพรพื้นฐานแล้ว การจะต่อยอด หรือจบด้วย ยาตัด ก็เป็นเรื่องง่าย เพราะมีการเรียนรู้ มีความเข้าใจ

การจบโรคด้วยการฟื้นฟูร่างกาย เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และปฏิบัติ เมื่อถึงเวลาทานยาตัด หลวงพ่อนิพนธ์ก็กล่าวว่า การทานก็จักง่าย ไม่เกิดอาการที่รุนแรงมาก และสมบูรณ์ หมดโรค พร้อมกับมีร่างกายที่แข็งแรง

หากแต่สิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ ผู้ที่ประสพผล ย่อมรู้จักเรื่องกรรม และยินยอมที่จะเปลี่ยนพฤติกรรม ไปตามจุดประสงค์ของเจ้าของตำรา นั่นคือ เป็นคนดี มีคุณธรรม

เมื่อกรรมเก่าหมด ไม่สร้างกรรมใหม่ที่สาหัสสากรรจ์ นั่นย่อมหมายความว่า ชีวิตของผู้นั้น เดินอยู่บนความไม่ประมาท ย่อมมีสุขตามนิสัยธรม มากน้อยตามที่ตนของตนทำได้

บทสรุปท้ายสุดที่หลวงพ่อนิพนธ์มักสอนเสมอ นั่นคือ สมุนไพรก็เหมือนดิน ที่เราท่านเดินเหยียบกันทุกวัน วันใด ที่ถูกนำมาปั๊มเป็นพระ แล้วปลุกเสก คนก็นำมาแขวนคอ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองตน ฉันใดก็ฉันนั้น พฤติกรรมของผู้ทำ ผู้ทาน ก็คือ การปลุกเสก สมุนไพรนั่นเอง จะมีฤทิธิ์สักฉันใด มากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นกับพฤติกรรมนั้นๆ

การทานสมุนไพรโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็เหมือนพระที่ไม่ปลุกเสก ไร้ค่า คุ้มครองอันใดแก่เราไม่ได้เลย จักทานสักฉันใด ย่อมมองไม่เห็นซึ่งความสำเร็จในการช่วยตน ... ยิ่งลักขโมยทานด้วยแล้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาเผ่นแนบไปก่อนแล้ว .... นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ว่าสมุนไพรที่แท้จริง จักต้องมีวิญญาณ จึงจักมีฤทธิ์ อย่าไปซี้ซั้วทาน และไม่ใข่ว่าใครๆ ก็ทำได้ ... ไม่ใช่ .. ไม่ใช่ .. ขอยืนยัน เพราะถ้ำกระบอก เจ้าของสูตร ยังล้มเลย

เคล็ดของสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า แพ้ชนะอยู่ที่ใจ พฤติกรรมการทานของผู้นั้นนั่นเอง

การจักเดินทางนี้ จึงพึงต้องฟังเหตุและผลที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมา ใครไม่ฟัง เบื่อหน่าย ย่อมไม่มีทางประสพผล เพราะทางที่จะเดินไปเพื่อช่วยตน ความรู้ที่ผิด ย่อมพาไปเดินผิดทางอย่างแน่นอน ความรู้ที่ถูกจึงพาตนให้ขึ้นฝั่งได้ โดยเฉพาะทิฐิมานะของตน ย่อมมีด้วยกันทุกคน นี่แหละอุปสรรคใหญ่ หาใช่อาการที่เป็นไม่

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44