แผ่นดินที่ดูธรรมดา อาคารยิ่งดูธรรมดา และถ้าเทียบกับโรงแรม หรือ คฤหาสถ์ใหญ่ๆ ยิ่งดูแล้วด้อย ไม่มีแม้แต่ช่อฟ้า ใบระกา แต่แผ่นดินนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ เรียกว่า ธรณีสงฆ์ ของแม่ชีเมี้ยน
เมื่อคนเข้ามาในสถานที่นี้ ย่อมเปรียบได้ดั่ง คนมีมองลอดช่อง ของรูสังกะสี มันจึงมีความแตกต่างกันมากมาย เราจึงเห็นบางคนมาสถานที่นี้ ทำประหนึ่ง เป็นวัดอันศักดิ์สิทธิ์ มีแม่ชีเมี้ยน และพระพุทธเจ้า ไว้ให้บูชากราบไหว้ เป็นที่พึ่งของชีวิต ในขณะที่มีอีกมากมาย มาที่นี่ ก็ดูเป็นที่ชุมชน มีร้านขายของราคาถูกไว้จับจ่าย แถมได้สมุนไพรกลับไปทานฟรี
มันจึงไม่แปลกอะไร ที่หลังจากผู้คนกลับหมด เราจึงเห็นร่องรอยการกระทำของคนเหล่านั้นให้เห็น ถึงความคิดที่มีต่อสถานที่นี้ เราเห็นคนทิ้งขยะเกลื่อนกลาด ทิ้งขว้างสิ่งของ ซึ่งมีผู้นำมาบริจาคให้ได้ใช้ เมื่อไปหยิบยืมมา ทิ้งขว้างไม่สนใจใยดี ที่จะนำไปเก็บ เพื่อให้คนอื่นได้ใช้กันในคราวต่อไป เราเห็นคนเปิดก็อกน้ำแล้วไม่ปิด ปล่อยให้น้ำล้นออก อย่างน่าเสียดาย และอื่นๆอีก ในขณะเดียวกัน เราก็เห็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง หลังจากรับสมุนไพร คนเหล่านั้น เดินเก็บขยะที่คนอีกพวกทิ้งไว้ เก็บข้าวของที่ถูกทิ้งขว้าง เก็บกวาดสถานที่รอคนมาใช้บริการใหม่ ซึ่งทำโดยไม่มีค่าจ้าง ไม่มีคนบอก แต่เขาทำเพื่ออะไร เราคิดว่า เขาคงมีคำตอบในใจ
คนที่ผ่านมา นับพันนับหมื่น สิ่งหนึ่งที่คนอาจไม่เคยนึก ก็คือ จะมีคู่อริ ที่คิดจะเอาเป็นเอาตายกัน จะมาเจอกันในสถานที่นี้ แล้วพวกเขาจะทำกันอย่างไร คู่หนึ่ง ที่เราเห็น และเป็นภาพเด่นชัด คือ ระหว่างคุณธานินทร์ อินทรเทพ รวมกับ คุณสุเทพ วงศ์กำแหง ซึ่งมีคดีความ ในกรณีของพื้นที่ ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติ อันถูกไล่ที่เนื่องจากมีผู้ประมูลใหม่ได้สิทธิ์ คือ คุณปรียา รองรัตน์ ในสมรภูมิของการขึ้นศาล ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน ด้วยคิดว่าตนเป็นฝ่ายถูกด้วยกัน อันต้องว่าไปตามกฎหมาย
คนในวงการรู้กันดีว่า การบาดหมางนี้ใหญ่นัก เรียกว่า ไม่เผาผีกันเลย แต่ทั้งคู่ได้วนเวียนเหมือนฟ้าแกล้ง เพราะต่างมาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย ที่มูลนิธิไทยกรุณา ซ้ำร้ายกว่านั้น บุคคลเหล่านี้ ล้วนแล้วกลายเป็นกรรมการของมูลนิธิไทยกรุณาทั้งสองกลุ่ม ไม่น่าเชื่อได้ว่า บุคคลเหล่านี้กลับร่วมมือกัน ทำให้การดำเนินการของชมรมคนรักสุขภาพ และมูลนิธิดำเนินไปด้วยดี ร่วมมือร่วมใจกันสนับสนุนกิจกรรมกันเป็นอย่างดี เมื่ออยู่ในแผ่นดินนี้
แต่ครั้นออกจากสถานที่นี้ไป ทั้งสองกลุ่มก็กลับไปฟาดฟันกันเหมือนเดิม ต่างไม่ยอมกันในคดีความที่มีกันอยู่ สิ่งนี้หลวงพ่อนิพนธ์ ได้กล่าวสอนเสมอๆ ว่า เมื่อเรามาอยู่ในแผ่นดินของแม่ชีเมี้ยน ต้องหยุดเรื่องอื่นไว้ และทำตามคำสอน รวมใจเป็นหนึ่ง คนจะโกรธกันปานใด มารวมกันทำกิจกรรม รวมเสียงมาสวดมนต์ด้วยกัน เป็นสถานที่หนึ่งที่เรายกให้ ยอมละ ยอมเว้น เรื่องทางโลก และเราจะมีสถานที่ที่หลบกรรม คือ แผ่นดินนี้
แผ่นดินที่ธรรมดา กลายเป็นหลุมหลบภัยจากโรคร้าย ให้แก่บุคคลทั้งสอง ซึ่งยอมวางเรื่องทางโลก เมื่อเข้ามาในแผ่นดินนี้ แต่เมื่อออกไปจากแผ่นดินนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ บอกว่า จะทำอย่างไร ก็ว่ากันไป
ใครจะเห็นแผ่นดินนี้เป็นอย่างไร ทำอย่างไร ก็แล้วแต่ตาของตนเอง ในความคิดเรา แผ่นดินนี้ เป็นของสูง จึงสามารถช่วยยกชีวิตให้แก่คนที่ศรัทธาและเชื่อ แล้วมาทำตาม จนรอดจากภัยโรคท่วมได้
"แผ่นดินนี้จึงเป็นแผ่นดินมหัศจรรย์ ที่มีอะไรที่ไม่สามารถพบเห็นได้จากที่อื่น และผู้จะพึงเห้น ไม่ใช่ด้วยตา แต่ด้วยเหตุและผล จากปัญญาที่ไตร่ตรอง นี่แหละแผ่นดินของแม่ชีเมี้ยน"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น