ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
เปรียบมวย
หลวงพ่อนิพนธ์มักกล่าวย้ำเสมอ ว่าการจะประสพความสำเร็จ หาใช่มาจากการทานสมุนไพร ตามเสียงลือเสียงเล่าเพียงอย่างเดียว สิ่งที่สำคัญกว่า คือการเรียนรู้
สิ่งที่เราต้องเรียนรู้คืออะไร หลวงพ่อนิพนธ์มักจะกล่าวว่า เฉกเช่นตำราพิชัยสงคราม เราต้องเรียนรู้เขารู้เรา เมื่อเรารู้ทั้งเขาและเราแล้ว โอกาสจะประสพผลย่อมมีสูง ดังนั้น สิ่งที่สอน จึงทำให้เรารู้ที่มาของโรค อะไรเป็นตัวก่อเกิดหรือสาเหตุหลัก ซึ่งไม่ใช่แค่เชื้อโรค ดังเช่นวงการแพทย์กล่าวกัน ความรู้อย่างนั้น มันตื้นเกินไป และ สิ่งใดคือคู่ต่อสู้ หรือ เครื่องมือ ที่จะใช้ในการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจัยอะรคือตัวชี้ผลแพ้ชนะในการต่อสู้
ก่อนอื่น สิ่งแรกที่หลวงพ่อนิพนธ์สอนให้เรานำไปไตร่ตรอง คือ บุคคลใดที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลก และได้รับการยอมรับ เมื่อมองไปในโลกนี้ ย่อมจะมีบุคคลเดียว คือ" พระพุทธเจ้า" นั่นเอง ถ้าเช่นนั้นแล้ว สิ่งที่ท่านตรัสย่อมต้องเป็นความจริงของโลกอย่างแน่นอน จึงทำให้เราต้องเชื่อว่า "โรคเกิดจากกรรม"
นั่นคือเรารู้ต้นเหตุที่มาของโรคแล้ว ไม่ว่าจะแปลงร่างมาในรูปแบบใด มะเร็ง เบาหวาน ไตวาย หัวใจ ร้อยแบบพันอย่าง ก็ล้วนแล้วมาจากกรรมทั้งหมดทั้งสิ้นนั่นเอง
แม่ชีเมี้ยนจึงถ่ายทอดมาให้เราว่า พระพุทธเจ้าท่านวินิจฉัยแล้วว่า "โรคคือตัวตนหรือเรียกรูปกรรม มีวิญญาณคือกรรม ที่เป็นตัวกำหนด นั่นเอง"
ด้วยเหตุนี้ แม่ชีเมี้ยนจึงยืนยันว่า " ไม่มีใคร อะไร หรือสิ่งไร ที่มนุษย์สร้าง จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า มนุษย์ต้องเป็นไปตามกรรม" อันหมายความว่า มนุษย์อยู่ใต้กรรม ก็แล้วถ้า สิ่งที่มนุษย์คิด สร้าง สามารถแก้โรคได้ ก็แสดงว่า แก้กรรมได้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส ก็เป็นเท็จ
แม่ชีเมี้ยน ได้บอกหลวงพ่อนิพนธ์ว่า "ลูกลองเอาวิธีของพระพุทธเจ้าไปใช้ เอาความคิด คำสอน ธรรมของท่านไปให้คนปฏิบัติ อำนาจธรรมของพระพุทธเจ้ามีจริง ผู้ทำได้ย่อมประสพผล อย่าเอาความคิดของตนเอง หรือของใครไปใช้โดยเด็ดขาด"
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงบอกว่า เราจึงได้คู่มวยที่เปรียบเทียบกันแล้ว คู่คี่สูสี คือ "โรคเป็นรูปกรรม วิญญาณของโรคคือ กรรม ใช้กิเลสเป็นตัวสร้างพลัง" เปรียบกับ มวยของพระพุทธเจ้า คือ "สมุนไพร เป็นรูปธรรม วิญญาณของสมุนไพร คือ ธรรม ใช้วินัยปฏิบัติของท่านเป็นตัวสร้างพลัง"
มวยคู่นี้สูสี แต่เมื่อเปรียบเทียบความเก๋า แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า เทียบกันแล้ว "กรรมเป็นพี่ ธรรมเป็นน้อง" กรรมเขาเก๋ากว่า ชั้นเชิงสูง เพราะมาก่อน และแนบแน่นกับมนุษย์ ส่วนธรรม มาทีหลัง ย่อมเสียเปรียบบ้าง และที่เป็นข้อเสียเปรียบคือ "มนุษย์ไม่เห็นบุญ" ธรรมจึงต้องใช้ตัวช่วยคือ "สติ และ ปัญญา" เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณา ให้เห็นและเชื่อในบุญที่มองไม่เห็น ว่ามีจริง
เมื่อรู้เขา รู้เราแล้ว เปรียบกันแล้ว ท่านบอกว่า โดยธรรมชาติแล้ว "ธรรมชนะกรรม" ดังนั้น ถ้าชกกันแล้ว ผลก็จะเห็นได้ชัด ถ้าการชกนี้เป็นไปอย่างยุติธรรม ใครจะเป็นผู้ชนะ แต่ผลกลับกลายอยู่ที่กรรมการ ว่าจะเอนเอียงไปทางใด
กรรมการก็คือ วิญญาณของเจ้าของกายนั้นๆ เขาจะเอนเอียงไปทางด้านใด ถ้าไม่ศึกษาอะไรเลย มาทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว นั่นย่อมมีใจเอนเอียงไปทางกิเลส เสียแล้ว ย่อมถูกชักชวนให้โกงได้อย่างง่ายดาย เพราะธรรมถูกจับมัดมือมัดเท้าเสียแล้ว แต่หากวิญญาณได้รับการเรียนรู้ และปฏิบัติ ย่อมหมายถึง เอนเอียงมาทางธรรม การต่อสู้ก็จะยุติธรรม เพราะธรรมสามารถออกหมัดเท้าได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
ด้วยความที่กรรมเขาเป็นพี่ หลวงพ่อนิพนธ์สอนว่า เขาจะมีพลังที่กล้าแข็ง ดังนั้นเจ้าของวิญญาณ คือเราท่าน ต้องไม่เสริมพลังให้แก่กรรมนั้นอีก และต้องเสริมพลังให้ธรรม โดยการปฏิบัติตามธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง ด้วยความเป็นน้อง การปฏิบัติก็เพิ่งเรียนและเริ่มต้น ผลในการชกยกแรกๆ จึงเห็นได้ชัดว่า ต้องถูกชกจนอ่วมอย่างแน่นอน แต่ก็มีกำลังยืนหยัดได้
ท่านจึงมักบอกว่า เมื่ออาการออก ในการถูกชกยกแรกๆ ดังนั้น ถ้าขาดการเรียนรู้ แม้ร่างกายจะทนไหว แต่ก็เกิดโรคแทรกเสียแล้ว คือ "โรคปอดแหก" ทำให้ทิ้งตัว แพ้ไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่จริงแล้ว หมัดเหล่านั้น น็อคเขาไม่ได้หรอก แต่ด้วยความกลัวจนขึ้ขึ้นสมอง ทำให้โยนผ้าขาว เมื่อกรรมการเอนไปทางกรรม นั่นทำให้หยุดทาน หยุดปฏิบัติ ก็ดุจดัง มัดมือมัดเท้าธรรมเสียแล้ว ผลจึงปรากฏแน่ว่าแพ้
ก็หากเจอคนใจเด็ด และเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า เรียกว่า "ตัวเล็กใจใหญ่" ก็จะทนยืนหยัด ทานสมุนไพร และปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า เท่ากับว่า กรรมการไม่ให้น้ำเลี้ยง หรือ พลังแก่กรรม แต่ให้ น้ำเลี้ยง หรือ พลัง ธรรม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งกรรมอาละวาด จนเราท่านเมาหมัด ล้มแล้วล้มอีก สักเท่าใด ย่อมหมายถึง พลังกรรมยิ่งลดลงมากยิ่งขึ้น
และเมื่อพลังธรรมมากพอ การโต้กลับจากการเมาหมัด หรือ ที่เราท่านมักเรียกว่า "ลงแดง" ก็จะปรากฎชัด อาการเมาหมัดจะลดลง นั่นคือ ปวดน้อยลง ทรมานน้อยลง หมัดของกรรมก็เบา แม้ชกมาอีก ก็ไม่ทำให้เรามีอาการได้ เมื่อกรรมการ ไม่มัดมือมัดเท้าธรรม ผลที่ปรากฎย่อมเด่นชัด "เราท่านจะเป็นผู้ที่ได้รับการยกมือ ในการชกครั้งนี้อย่างแน่นอน"
ก็ด้วยผลของการชกของมวยคู่นี้ ขึ้นกับกรรมการจะเลือก พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ใครก็ช่วยไม่ได้ ทำให้ไม่ได้ สิงที่ช่วยก็คือ เอาธรรมมาสอนให้พิจารณา แล้วนำไปปฏิบัติ เพื่อให้วิญญาณของสมุนไพร ไม่ถูกมัดมือมัดเท้า มีฤทธิ์สามารถต่้อสู้กับกรรมได้"
มหาอำนาจ คือ อำนาจกรรม เขามีฤทธิ์แล้ว เพราะเราท่านทำมาแล้ว สำเร็จแล้ว ถ้าเรายังทำเหมือนเดิมอีก ก็คือเพื่อฤทธิ์ให้แก่เขา อำนาจธรรม เขายังไม่มีฤทธิ์ สิ่งที่เราเชื่อ ปฏิบัติ ไม่มีมีจริง จึงไม่มีฤทธิ์ช่วยเราไม่ได้ เมื่อเรามาเจอพระพุทธศาสนาที่แท้จริง เราได้เรียนรู้ และนำมาปฏิบัติ เราจะได้สัมผัส บุญญาธิการของศาสนา ได้สัมผัส อำนาจธรรม ของพระพุทธเจ้า ว่ามีจริง และมีฤทธิ์ที่จะสู้กรรมได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อเรายังไม่เคยทำ เขาจึงเป็นน้อง
อำนาจธรรม เขาจะมีฤทธิ์ ก็ต้องอาศัย อำนาจของวิญญาณ ที่ผ่านการเรียนรู้ในเรื่องของศาสนา และนำมาปฏิบัติ อันเป็นหนทางเดียวที่จะประสพผลในการชกนี้
เมื่อเปรียบมวยดูแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักพูดเสมอว่า "ตัวท่านผู้ทาน คือผู้ตัดสินผลแพ้ชนะ"
ด้วยความรู้เหล่านี้ ย่อมเห็นถึงความเมตตาของแม่ชีเมี้ยน และหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ได้ถ่ายทอด ปัญญาของพระพุทธเจ้า มาให้เรา ไม่ต้องหลงทาง และมีโอกาสได้สัมผัส "มนุษย์สมบัติ" ของพระพุทธศาสนา และได้เห็นและสัมผัส อำนาจธรรมของพระพุทธเจ้า ว่ามีจริง และทำได้จริง
เราจึงอยากจะบอกว่า ไม่สนับสนุนก็ไม่เป็นไร แต่อย่าทำลายเลย เราสูญเสียถ้ำกระบอกไปแล้ว เหลือแผ่นดินนี้ไว้เป็นที่พึ่งของคนที่ชอบ ใครไม่ชอบ ก็ไปในทางที่ท่านชอบเถิด เราเป็นคนหนึ่งที่ขอเลือกเดินตามรอยของพระพุทธเจ่้า ที่แม่ชีเมี้ยน และหลวงพ่อนิพนธ ได้ขีดเส้นเป็นแนวไว้ให้
ผู้ที่จะประสพผล เราจึงไม่แปลกใจที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักกล่่าวย้ำว่า "ไม่สนอดีต แต่วันนี้ ท่านต้องเป็นคนดี มีธรรมของพระพุทธเจ้ามาประจำใจ" ใครว่าแจ๋ว ว่าแน่ จะมาหลอกทาน โดยไม่ทำ ท่านจึงบอกว่า "เขาเหล่านั้นอาจจะหลอกท่านได้ แต่หลอกสมุนไพรไม่ได้ เพราะเขามีวิญญาณนั่นเอง"
ก็ด้วยเหตุที่สมุนไพรมีวิญญาณ หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า เขาจึงรู้ว่า ต้องทำสิ่งไรก่อนหลัง ป้องกันอวัยวะส่วนใดก่อน ฟื้นฟูส่วนใดก่อน อันเป็นเหตุผลว่า ถ้าไม่ใช่เพราะถึงพรหมลิขิต โรคย่อมไม่สามารถทำให้ผู้ทานถึงตายได้อย่างแน่นอน เพราะเขาทันกัน และอำนาจธรรมเหนือกว่ากรรม นั่นเอง
อยากประสพผล ต้องเรียนรู้สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์สอน แล้วนำมาปฏิบัติ แล้วเราจะรู้ว่า ทุกวันนี้ พราหมณ์ มันเขียนพระไตรปิฏก เพราะสิ่งนั้นสอนให้เราขอพรจากพระพุทธ ซึ่งสวนทางกับพระพุทธเจ้า ที่สอนให้เรา เอาธรรมไปปฎิบัติ เพราะอำนาจของพุทธศาสนา อยู่ที่พระธรรม เมื่อทำแล้วจะได้พร
ความคิดมนุษย์ ย่อมแสดงให้เห็นถึงศาสนาขอ แต่ศาสนาของพระพุทธ คือ "ศาสนาทำ" ไม่ได้มาลบล้างความคิด แต่นำคำสอนของแม่ชีเมี้ยน ที่หลวงพ่อนิพนธ์ถ่ายทอดมา มาให้พิจารณา .... และพิจารณาให้เห็นความจริง...
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น