วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เพื่อนช่วยเพื่อน ... ไม่ได้

เรื่องที่เป็นตำนานเล่าขานระหว่างเพื่อนฝูงของหลวงพ่อนิพนธ์ และบรรดาลูกศิษย์เก่าๆ ที่ได้เห็นได้ยินเรื่องราว คือ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ชื่อ สมศักดิ์

คุณสมศักดิ์ หรือ ที่คนใจชมรมมักเรียก อาศักดิ์ เป็นเพื่อนซี้ของคุณเปี๊ยก พิศาล อัครเศรณี อีกคนหนึ่ง นอกจากคุณธานินทร์ คุณพิศาล จึงให้ทำหน้าที่สำคัญ คือ ดูสถานที่ที่จะใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์ จนทำให้เป็นไข้ป่าร้ายแรง จากเกาะกูด ที่เป็นที่ขึ้นชื่อเรื่องมาเลเรียในสมัยนั้น เพราะต้องไปหาสถานที่ให้คุณพิศาลนั่นเอง

หลังจากกลับมา คุณสมศักดิ์ ก็ได้ไปหาเพื่อนสนิท ในกลุ่มอัสสัมชัญ ที่เป็นหมอระดับประเทศในปัจจุบัน คือ ท่าน น.พ.อำนาจ กุสลานนท์ นายกแพทย์สภาคนปัจจุบัน อดีตหมอใหญ่แห่งศิริราช เพื่อทำการรักษา จากการเป็นไข้ป่าครั้งนั้น ก่อให้เกิดอาการวูบ จนสิ้นสติ ขับรถไปชนราวสะพานพุทธ จนถูกนำตัวส่งศิริราช

เมื่อ น.พ.อำนาจ ทราบเรื่อง จึงให้ทางโรงพยาบาล นำศพไปเก็บไว้ในห้องเย็นของโรงพยาบาลไว้ก่อน เพื่อรอท่านกลับไป

หมอมือหนึ่ง ดีกรีจากอเมริกา ก็ได้ใช้ความสามารถ ผ่าตัดและกระตุ้นหัวใจ จนคุณสมศักดิ์สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ แต่จากสภาวะไข้ป่าที่เป็น ก่อให้เกิดอาการสมองไหม้ ร่างกายไม่สามารถช่วยตัวเองได้ น.พ.อำนาจ ได้รับ คุณสมศักดิ์ เป็นผู้ป่วยไว้ในการดูแล

ในวันนั้นเอง เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์ทราบเรื่อง ก็ได้เดินทางไปพบ น.พ.อำนาจ และคุยกันว่า ในเมื่อคุณสมศักดิ์เป็นเพื่อนสนิทของเราทั้งคู่ ก็ให้ น.พ.อำนาจ ดูแลด้วยวิชาการที่มีไปก่อน และเมื่อไรที่ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ก็ขอให้หมอผีได้ลองช่วยบ้าง

นับจากวันนั้น น.พ.อำนาจ ก็ได้ระดมสรรพวิชา และความรู้ เพื่อช่วยเพื่อน แม้กระทั่งสั่งตัวยาที่ดีที่สุด จากอเมริกามา แพงเท่าไรก็สู้ เวลาผ่านไปจนท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถกู้สภาพของคุณสมศักดิ์ กลับฟื้นมาปกติได้ จนสิบปีให้หลัง สภาพที่ปรากฎคือ ไม่สามารถช่วยตนเองได้อย่างสิ้นเชิง นั่งตรงไหน นอนตรงไหน ก็อยู่ตรงนั้น

เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์ได้ทราบเช่นนั้น จึงไปขอพี่สาว เพื่อนำคุณสมศักดิ์มาดูแล โดยนำไปไว้ที่ศรีสวัสดิ์ เพราะต้องการให้ได้อากาศที่ดี และให้คนจัดสมุนไพรให้ เนื่องจากในระยะแรก คุณสมศักดิ์ยังควบคุมช้อมไม่ได้ ท่านจึงสั่งให้รินยาเขียวใส่จาน และค่อยๆ เลียกิน โดยห้ามคนช่วยเด็ดขาด อันเป็นการมองว่าโหดร้ายยิ่ง แต่ท่านกล่าวกับคุณสมศักดิ์ว่า ถ้าจะหายก็ต้องหายด้วยการพึ่งตนเอง ตามแนวของพระพุทธเจ้า และเวลากินข้าวก็ต้องกินเอง ซึ่งจะหกมากกว่าส่งเข้าปาก เพราะความที่ควบคุมมือยังไม่ได้นั่นเอง

ด้วยหลักนี้เอง และความมุมานะที่่จะมีชีวิตที่ดีของคุณสมศักดิ์ ทำให้สองปีให้หลัง คุณสมศักดิ์กลับมามีสภาพปกติ และเปลี่ยนสรรพนาม จากเพื่อน มาเป็นหลวงพ่อนิพนธ์ ทุกครั้งที่เจอ ก็จะเข้ามากราบอดีตเพื่อน จนในกลุ่มเพื่อนแปลกใจ และเรียกหลวงพ่อแทนนับแต่นั้นมา

ปัจจุบัน คุณสมศักดิ์ ได้มาขอหลวงพ่อนิพนธ์ กลับไปมีภรรยา อีกครั้ง ทั้งที่อยู่ในวัยเดียวกัน คือ ย่างเจ็ดสิบแล้ว มีสภาพเหมือนคนปกติทุกอย่าง

หลังจากกลับไป ก็ไปเจอะเพื่อนเก่าอัสสัมชัญ ท่านหนึ่งที่เป็นมะเร็ง จึงพามาหาหลวงพ่อนิพนธ์ ให้ช่วย คำหนึ่งที่คุณสมศักดิ์บอกแก่เพื่อนท่านนี้ คือสิ่งที่ประสพมากับตน นั่นคือ ให้กราบหลวงพ่อนิพนธ์ และเปลี่ยนคำเรียกจากเพื่อน ไปเป็นหลวงพ่่อ ดั่งที่เขาเคยทำและประสพผล

คำตอบของเพื่อนท่านนี้คือ "ต่อให้กูตาย กูก็ไม่ทำ เพราะมันเป็นเพื่อนกู" หลวงพ่อนิพนธ์ จึงให้สติเพื่อนำไปคิด คือ "เพื่อนช่วยเพื่อนไม่ได้หรอก เพราะคนที่ช่วยได้ ต้องอยู่สูงกว่าคนที่ถูกช่วย" กระนั้นก็ตาม เพื่อนท่านนี้ก็ทำไม่ได้ และเสียชีวิตไปในที่สุด

มหากาพย์เรื่องนี้ จึงฝังใจในหมู่เพื่อน ทำให้เมื่อคุณพิศาล พาคุณธานินทร์ ออกจาก ร.พ. หนีการทำบายพาส และบอลลูน มาหาหลวงพ่อนิพนธ์ ก็ด้วยเห็นตัวอย่างจากคุณสมศักดิ์ นั่นเอง ทุกวันนี้ เรายังได้ยินเสียงคุณธานินทร์ ที่ยังคงเจื้อยแจ่ว และดีกว่าเดิม ทั้งๆ ที่ก่อนคุณพิศาลจะพามา ก็อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะร้องเพลงได้อีกแล้ว จนปัจจุบัน ผ่านมาสิบปี พร้อมกับคำเรียก หลวงพ่อนิพนธ์ และกราบทุกครั้งที่เจอ เฉกเช่นคุณสมศักดิ์ ที่ทำในอดีต

ใครจะเห็นอย่างไรก็ช่าง แต่คำหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยนตรัส คือ "ของสูงเท่านั้น จึงจะดึงเราขึ้นที่สูงได้" แล้วเราจะทำอย่างไรดี ต่อ พระพุทธเจ้า ต่อแม่ชีเมี้ยน ต่อสมุนไพร ต่อหลวงพ่อนิพนธ์ ก็ในเมื่อ "เพื่อนมันช่วยเพื่อนไม่ได้ คนเหมือนกัน ก็ช่วยใครไม่ได้เช่นกัน จึงไม่แปลกที่หมอเป็นโรค ยังช่วยตัวเองไม่ได้เลย"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44