ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ทางแพร่ง
สังคมไทย กำลังบีบคนดีให้หลบลี้ มูลนิธิไทยกรุณา ก็คงหนีไม่พ้นเช่นเดียวกัน เพราะมีหนังสือจากราชการแจ้งมาว่า ห้ามมูลนิธิทำการเรี่ยไร หากจะทำการนี้ ต้องแจ้งขออนุญาตก่อน เมื่อได้รับอนุญาตจึงดำเนินการได้
เป็นเรื่องน่าขัน แต่เป็นจริง ที่เกิดในประเทศไทย กระนั้นก็ตาม คงไม่กระทบกับกิจกรรมของชมรมคนรักสุขภาพ ที่มีมูลนิธิไทยกรุณาสนับสนุน เพราะไม่มีนโยบายการตั้งตู้ หรือขอเรี่ยไรอยู่แล้ว เพราะเหตุที่สถานที่แห่งนี้ อยู่ได้ก็ด้วยน้ำใจของเหล่าสมาชิก ที่ช่วยกันทานข้าวแกง ซื้อน้ำ และหอบหิ้วสมุนไพรที่ตนพอจัดหาได้ มาร่วมด้วยช่วยกันใส่โรงทาน ก็ด้วยหลัก "น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า" และแสดงถึงเอกลักษณ์ ของพระพุทธเจ้า คือ "ตนพึ่งตน"
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า สถานที่นี้ กลมเกลี้ยงเหมือนมะนาว ไม่มีเหลี่ยม มีมุม เพื่อหลอกลวงใคร พูดความจริงทุกอย่าง ไม่หวังผลทางชื่อเสียง หรือทางการเมืองใดๆ หวังบุญเป็นที่พึ่ง ตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้า
เรื่องที่น้อยคนอาจไม่ทราบ คือ เรื่องของท่านผู้หญิงสุรัตน์ อันเป็นภรรยาของท่านสมัคร สุนทรเวช ที่ได้เข้ามาใช้แนวทางสมุนไพร อันเนื่องจากการแนะนำของ น้องเล็ก แห่งครอบครัว ธรรมวัฒนะ ที่เป็นมะเร็งเต้านม ที่ประสพผลจนตัวเองหาย ด้วยความที่ครอบครัวสนิทกัน จึงชวนท่านผู้หญิง ซึ่งมีปัญหา วุ้นในตาเสื่อม และมีอาการ ช่วงแขนตั้งแต่ข้อศอก จนถึงปลายนิ้ว มีสภาพเย็นตลอดเวลา
ก่อนหน้านั้น ท่านผู้หญิงมีแพทย์ประจำตัว เป็นจักษุแพทย์ ระดับโลก ทำงานอยู่ในอนามัยโลก ก็ยังไม่ประสพผล หลังจากใช้แนวทางสมุนไพร ได้ประมาณเดือนหนึ่ง แพทย์ประจำตัว ก็บินมาตรวจอาการของท่านผู้หญิง ตามปกติ เมื่อสัมผัสมือ ก็ต้องตกใจ และยิ่งไปกว่านั้น อาการวุ้นในตาเสื่อม ก็หายไป จึงขอท่านผู้หญิงให้พาไปพบหลวงพ่อนิพนธ์
การพบครั้งนั้น จักษุแพทย์ได้ขอยาตา เพื่อไปทดสอบจำนวนหนึ่ง ที่ห้องปฏิบัติการของอนามัยโลก เพราะเขาไม่เชื่อว่า จะไม่มีเคมีปนอยู่ในยาตา และไม่เชื่อว่า จะไม่มีผลข้างเคียง เนื่องจากยาตาในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่เป็นเคมี และมีผลข้างเคียงทั้งสิ้น
ผลการตรวจในห้องปฏิบัติการ ผ่านไปด้วยดี จักษุแพทย์ ของท่านผู้หญิง บินกลับมาอีกครั้ง พร้อมขอยาตาอีกล็อตใหญ่ หลายสิบขวด เพื่อไปทดลองในการใช้งานกับผู้ป่วยจริง
หลังจากนั้นไม่นาน จักษุแพทย์ก็บินกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับร้องขอ ให้หลวงพ่อนิพนธ์ผลิตยาตาให้แก่อนามัยโลก จำนวนล้านขวด เพื่อนำไปแจก โดยจะมอบเงินให้เป็นทุน สองร้อยล้านบาท ด้วยเหตุที่ปัญหาตา เป็นปัญหาใหญ่ และเสียค่าใช้จ่ายมาก ทำให้อนามัยโลกต้องเปลืองงบประมาณเป็นอันมาก
ผลของการใช้จริง สมุนไพรตา ทำให้ปัญหาทุกชนิดสามารถหมดไปได้อย่างง่ายดาย จึงร้องขอมา
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงพูดเล่นๆ กับจักษุแพทย์ว่า สมุนไพรตาของเรา ไม่มี อ.ย. น่ะ คงผลิตให้ไม่ได้หรอก เขาตอบว่า เขาจะให้อนามัยโลกรับรอง ซึ่งมีสถานะเป็น อ.ย. โลก นั่นหมายถึง สามารถใช้ได้ทั่วโลก ไม่ต้องกังวล
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ยังไรก็ต้องทำให้คนไทยก่อน เพราะแม่ชีเมี้ยนสั่งไว้ จักษุแพทย์จึงต้องกลับไปมือเปล่า แต่ก็ไม่ละความพยายาม จนเมื่อไม่นาน ก็ติดต่อกลับมาว่า จะจัดสรรเงินเพิ่มให้เป็น ห้าร้อยล้านบาท
คำตอบของหลวงพ่อนิพนธ์ คือ เราเห็นพี่ชายคือท่านจำรูญเป็นตัวอย่างที่ดี เงิน ห้ารอยล้านบาทของท่าน คงแลกกับดวงตาของคนไทยไม่ได้หรอก วันใดที่เราพร้อม และทำให้คนไทยเรียบร้อย เราก็จะทำให้
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า ขอให้สมาชิกทุกคนวางใจ ที่นี่ไม่ได้ทำเพื่อมาหลอกเอาเงินใคร เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงรับเงินจากอนามัยโลก ตามข้อเสนอของจักษุแพทย์ท่านนั้นแล้ว
สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน มาพร้อมกับคำสาบ "ใครเอาไปขาย ฉิบหายแน่" พร้อมคำพร "ใครเอาไปทำให้ ยิ่งให้ ยิ่งเจริญ"
ทางแพร่งนี้ มีตัวอย่างจากพี่ชายท่าน ตรึงตรา ตรึงใจ ประการหนึ่ง ที่สำคัญ ท่านตั้งใจจะทำให้ปรารถนาของแม่ชีเมี้ยน เป็นจริง และจะพิสูจน์ให้เห็นว่า สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ไม่มีราคา แต่มีคุณค่ามหาศาลต่อชีวิต
ท่านคงไม่เลือกเดินสายเดียวกับพี่ชาย เลือกเงิน และเลยชีวิตมนุษย์ อย่างแน่นอน สมาชิกทุกท่านจึงควรวางใจได้ว่า สถานที่นี้ ไม่มีหลืบมุม ซ่อนเร้น ทุกสิ่ง พูดเรื่องจริง และเป็นของจริง
สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกคือ "มนุษย์" ....... สมุนไพรและคำสอน เป็นน้ำใจและเมตตาของแม่ชีเมี้ยน ที่มีต่อมนุษย์ ให้เป็นทางเลือก ทางสายนี้หลวงพ่อนิพนธ์กำลังพาเราไป .... ชวนกันไป ... หาธรรมของพระพุทธเจ้า น้อมนำมาเป็นที่พึ่งของชีวิต ไม่ใช่หาความร่ำรวยเป็นที่พึ่ง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น