ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ธรรมชาติบำบัด
เมื่อมนุษย์ไม่สามารถหาสินค้ามาขายสู้คนอื่นได้ จึงหันมาขายสินค้าที่อ่อนไหว คือ ชีวิตมนุษย์ ด้วยความรู้ที่มี จึงผลิตยาเคมี มาให้แก่มนุษย์ ด้วยความเชื่อ ที่จะทำให้มนุษย์ มีชีวิตยืนยาว แต่ในช่วงทศวรรษนี้ ทำให้มนุษย์ผู้ผลิตยา รู้กันดีว่า ในไม่ช้า ยาเคมีเหล่านั้น กำลังมาถึงทางตัน
ด้วยตัวเลข ของการเสียชีวิต และ การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย ในแต่ละโรค ที่ออกมาจากองค์การอนามัยโลก เป็นดัชนีชี้วัดที่ชัดเจน ถึงความล้มเหลวในการพึ่งยาเคมี ประเทศผู้ผลิตยาเคมีเหล่านั้น จึงได้เบนเข็มไปสู่ สมุนไพร หรือ ผลิตภัณฑ์ทางธรรมชาติ ที่ไม่ให้ผลข้างเคียง ดังเช่นที่เกิดจากเคมีในอดีต
ปัจจุบัน ประเทศผลิตยาเหล่านั้น ก็ได้ออกกฎหมายบังคัม ให้ร้านขายยา หรือ ผู้ขาย และผู้ใช้ หรือ ผู้ซื้อ ต้องใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่ผลิตยาใหญ่อย่าง สวิส
กระแสเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์ ที่มักตั้งชื่อว่า สมุนไพร กลาดเกลื่อนในตลาดของเมืองไทย ในทุกวันนี้ จนน่างง ไปหมดว่า อะไรคือ "ธรรมชาติบำบัด" ที่แท้จริง
จากคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่กล่าวว่า สมุนไพรบำบัด หรือ ธรรมชาติบำบัด เป็นอย่างเดียวกันนั้น ในหลักของพระพุทธเจ้า จะมีลักษณะที่สำคัญ ที่เราพอจะเห็นได้ 3 ประการ คือ
อย่างแรก เป็นสมุนไพร ที่มาจากธรรมชาติจริงๆ เท่านั้น และมีลักษณะที่เด่นชัด คือ ต้องมีการมาใช้ร่วมกัน ในสัดส่วนที่ถูกต้อง เหมือนสูตรอาหาร แม่ชีเมี้ยน ได้ตรัสว่า สูตรที่นำมาให้เป็นสูตรของพระพุทธเจ้า ท่านรู้จึงนำมาให้ ดังนั้น ไม่ต้องมาลองผิดลองถูก เมื่อพระถาม ท่านก็ตอบได้ในทันที และกล่าวอีกว่า สมุนไพร เป็นสิ่่งศักดิ์สิทธิ์โดยธรรมชาติ ไม่มีใครเป็นผู้ปลูก ธรรมชาติเขาสร้างและดูแล เพื่อให้มนุษย์ที่มีคุณธรรม ได้นำไปใช้
อย่างที่สอง กระบวนการทำงาน ก็ต้องอาศัยธรรมชาติ คือ กระบวนการกินของมนุษย์ โดยที่ตัวสมุนไพร ทำหน้าที่เป็นวัตถุดิบ ไม่ใช่ยาที่เฉพาะเจาะจง ไปเพื่อโรคนั้น โรคนี้ แต่ เป็นวัตถุดิบ เฉกเช่นเดียวกับ ข้าว หรือ อาหาร ที่ทานเข้าไป เมื่อทานแล้ว ร่างกายจะเป็นผู้วินิจฉัย แล้วจัดสรรวัตถุดิบเหล่านี้ เพื่อไปแก้ไขปัญหาของแต่ละบุคคล หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า สมุนไพรสูตรที่แม่ชีเมี้ยนให้มา จึงใช้ได้กับทุกโรค เพราะทุกคนมีอวัยวะ 32 เหมือนกัน และมีกระบวนการทำงานเหมือนกัน ด้วยเหตุที่ร่างกายทุกส่วนล้วนแล้วแต่ธรรมชาติเป็นผู้สร้าง ดังนั้น เมื่อได้วัตถุดิบที่ต้องการ ก็จะนำไปใช้เพื่อซ่อมแซมอวัยวะ และระบบของร่างกาย ให้กลับเหมือนเดิม ซึ่งวัตถุดิบนี้ ไม่มีในอาหาร จึงจะเห็นได้ว่า ถ้าร่างกายปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมุนไพร หรือ จะใช้ก็แค่เป็นการทานเพื่อป้องกัน หากเมื่อใดร่างกายผิดปกติ สมุนไพร จึงถูกใช้เป็นวัตถุดิบ เพื่อการแก้ไข ให้กลับเป็นเหมือนเดิม เพราะฉะนั้น หน้าที่ของสมุนไพร จึงเป็นแค่วัตถุดิบ ส่วนการรักษา ธรรมชาติของมนุษย์ มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว
สิ่งที่จะเห็นได้ชัดว่า ธรรมชาติของร่างกาย จะมีความสามารถในการจัดการกับธรรมชาติของสมุนไพรได้อย่างดี จึงไม่มีสารตกค้างใดๆ ต่างกับสารเคมี เมื่อนำสารที่ต้องการไปใช้แล้ว ก็ไม่สามารถกำจัดกากที่เหลือได้ หรือ ออกได้ไม่หมด อันจะเป็นส่วนที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงนั่นเอง
อย่างที่สาม เป็นตัวที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่า สมุนไพร ที่เราทานนั้น ทำงานได้จริงหรือไม่ ก็คือ สิ่งที่เราจะได้ยินจากวิทยากร ไม่ว่า อ.อร่าม อ.สุนทร หรือ คุณนนท์ ที่อบรมคนไข้ใหม่ บอกทุกครั้ง อันได้แก่ กระบวนการดำเนินชีวิตประจำวัน ในการกิน ต้องกลับมาเหมือนเดิม ไม่มีการยกเว้น เช่น คนที่เป็นเบาหวาน ก็ต้องทานหวานได้ คนที่เป็นเก๊าต์ ก็ต้องทานไก่ได้ คนที่เป็นมะเร็งก็ต้องทานเนื้อได้ หรือที่วิทยากรมักพูดว่า ทุกคนต้องกลับมาทานอาหาร 5 หมู่ ให้ครบ เหมือนปกตินั่นเอง
ก็ด้วยเหตุที่พระพุทธเจ้าตรัส ธรรมของท่าน มีเพื่อให้สุข ก็สุขของมนุษย์ คืออะไร "กินได้นอนหลับ" นั่นแหละคือสุขที่แท้จริงของมนุษย์ ถ้าเราทานสมุนไพร หรือ อาหารธรรมชาติ ใดๆ ที่เขากล่าวอ้างกันแล้ว ไม่ได้พบสุขอันนี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่า เป็นสิ่งหลอกลวงอย่างแน่นอน ใช่หรือไม่ ลองพิจารณาดู
ตัวอย่างที่เด่นชัด ที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักกล่าวบ่อยๆ คือ คุณธานินทร์ อินทรเทพ นั่นเอง เพราะด้วยความที่เป็นคนติดบุหรี่ และกินเหล้า เรียกว่า เข้าเลือด ทำให้ต้องหลบหมอ ที่จะรักษาโรคหัวใจตีบ ทั้ง 4 เส้นของตนเอง เพราะหมอบอกว่า ต้องเลิกอย่างเด็ดขาด เมื่อคุณพิศาล อัครเศรณี พามาหาหลวงพ่อนิพนธ์ คำถามแรกที่ถามคือ เมื่อทานสมุนไพรแล้ว สามารถสูบบุหรี่ และทานเหล้าได้หรือไม่ คำตอบก็คือ ถ้าทานสมุนไพรถึง ก็ทำได้ ทำให้คุณธานินทร์ มีมานะในการทานสมุนไพร อย่างหาใครเปรียบยาก เพราะความที่อยากสูบบุหรี่ และทานเหล้า นั่นเอง
จากตัวอย่างนี้จะเห็นได้ว่า "ธรรมชาติบำบัด" มิใช่เพียงวัตถุดิบหรือการทาน เท่านั้น เมื่อใช้วิธีนั้นๆแล้ว ต้องกลับมาทำตนตามธรรมชาติของตน ในชีวิตประจำวันได้เช่นเดิม พูดง่ายๆ ยามปกติ ธรรมชาติในการดำรงชีวิตเป็นเช่นไร ก็ต้องทำอย่างนั้นได้ตามปกตินั่นเอง
สิ่งนี้นับได้ว่า เป็นสิ่งที่คนไข้ที่มาทานสมุนไพรสูตรแม่ชีเมี้ยน ของหลวงพ่อนิพนธ์ ชอบที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นแหละเป็นสุขที่ได้รับคืนมา ใช่หรือไม่
สิ่งนี้น่าจะเป็นเครื่องชี้ว่าวิธีที่เราเลือกใช้ ถูกหรือไม่ ถ้าแม้ความสุขพื้นฐานยังคืนให้เป็นธรรมชาติไม่ได้ จะให้สุขจากความไม่มีโรคได้หรือ ลองตรองดู
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น