ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
พงศาวดารคลาสสิก
ผู้คนมักถามว่า โรคนี้รักษาได้ไหม โรคนั้นรักษาได้ไหม ทำไมจึงทานสมุนไพรเหมือนกัน ทุกโรคเลย หรือ แม้แต่ในอดึต มีนายหหารท่านหนึ่ง จบบัญชี จากธรรมศาสตร์ ได้มาช่วยงานที่ถ้ำกระบอก กับหลวงพ่อนิพนธ์ ได้ถามท่านว่า ตัวเขาเองอยากจะเกษียณในตำแหน่งสูงสุด คือ พลเอก แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้จบทางนายร้อยมา ถึงแม้จะก้าวหน้าในการงานอย่างรวดเร็ว จนติดยศพลโท และยังมีเวลาอีกหลายปี คำถามเหล่านี้ มักจะระดมมาเสมอ เมื่อมาพบหลวงพ่อนิพนธ์
คำตอบที่ได้รับจากการนำคำถามนี้ เมื่อนำไปถามแม่ชีเมี้ยน ท่านตรัสว่า เมื่อเจอศาสนาที่แท้จริง จะได้สัมผัสอำนาจ บุญญาธิการที่แท้จริง อยากได้สิ่งไร ไม่ใช่ขอ แต่ให้นำธรรมไปปฏิบัติ เมื่อทำได้ มรรคผลที่เกิด ก็จะเป็นไปตามขอ
เมื่อมนุษย์ไม่รู้เรื่องศาสนา ก็บอกว่า พระเจ้าแกล้ง ทำไมจึงเกิดมาเช่นนี้ ทั้งที่ในความจริงแล้ว "ตัวเองนั่นแหละ เป็นผู้เขียนพรหมลิขิตของตัว ในชาติหน้า" ฉะนั้น ใครที่กล่าวว่า "เราเลือกเกิดไม่ได้" ผู้นั้น คือ ผู้ที่ไม่รู้เรื่องศาสนา
นายพลท่านนั้น จึงใช้ความอุตสาหะ ช่วยเหลือกิจการของถ้ำกระบอก ช่วยคนเจ็บคนป่วย จนในที่สุด ท่านก็เป็น นายพลเอก คนเดียว แห่งกองทัพไทย ที่มาจาก นักบัญชี ตราบเท่าทุกวันนี้
ย้อนไปในพงศาวดารของยุค พระโคดม มีบุคคลสองท่าน ที่ทิ้งพงศาวดารไว้ให้เราได้เป็น กรณีศึกษา ในบุญญาธิการของศาสนา ท่านแรก คือ ท่านองคุลีมาร เป็นตัวอย่างที่ชี้ชัด ว่าพระไตรปิฎกพราหมณ์มันเขียน ได้อย่างชัดเจน ว่า พระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญเพียร กี่ชาติ เพราะตัวท่านองคุลีมารเอง ทำบาปมหันต์ ฆ่าคนนับพัน ซึ่งเป็นบาปหนัก แต่เมื่อพบพระพุทธศาสนา ก็สามารถไปนิพพานได้ในชาติเดียว จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า ขอเพียงมีพระพุทธเจ้า เมื่อได้พบก็สามารถสำเร็จได้ในชาติเดียว ไม่ว่าอดคีตจะเป็นอย่างไร ขอให้เชื่อ ศรัทธา แล้วทำตาม จบในชาติเดียว ไม่ต้องสั่งสมอะไรหรอก คนโบราณ จึง อธิฐาน ก่อนตายเสมอ ว่า ขอให้ได้เกิดในแผ่นดินพระพุทธศาสนา
จากตัวอย่างนี้ จะเห็นได้ชัดว่า เมื่อทุกคนเป็นไปตามกรรม มีเหตุอันเดียวกัน "ธรรมชนะกรรม" เราจึงได้ยินหลวงพ่อนิพนธ์พูดเสมอๆ ว่า ไม่สนว่าจะเป็นโรคอะไร ขอเพียงเรียนรู้ ยืนหยัดในการทานสมุนไพร และนำธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ไปปฏิบัติ ย่อมประสพผล และถ้าเทียบกรรมกันแล้ว การหายโรค กับการสิ้นอาสวะ ไปนิพพาน ห่างไกลกันยิ่งนัก ดังนั้น งานของการหายโรค จึงอยู่ในวิสัยที่ทุกคนทำได้อย่างแน่นอน ทางสายนี้ ทุกคนจึงมีสิทธิ์ เดินได้ แต่จะได้หรือไม่ ตัวผู้ทำเองเป็นตัวตัดสิน
และตัวอย่างที่ทำตรงกันข้ามกันกับท่านองคุลีมาร คือ ท่านเทวทัต สิ่งที่เหมือนกัน ของทั้งสองท่านคือ อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า หรือพูดง่ายๆ ว่ามีพระพุทธ แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ท่านองคุลีมาร มีธรรมของพระพุทธเจ้า มาปฏิบัติเป็นวินัย แต่ท่านเทวทัต สร้างวินัยข้อปฏิบัติของตนเอง ผลที่ปรากฎก็เป็นไปตามที่เราเรียนรู้ แต่สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ชีให้เห็น คือ อำนาจ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในพระพุทธศาสนา ไม่ใช่การมีพระพุทธเจ้า แต่เป็นการมีธรรมของพระพุทธเจ้าต่างหาก ดั่งเช่นคนทั้งสองนี้ มีพระพุทธเหมือนกัน แต่คนหนึ่งมีพระธรรมของพระพุทธเจ้า อีกคนหนึ่งไม่ ท่านองคุลีมาร ที่มีบาปกรรมมาก กลับไปนิพพาน ท่านเทวทัต กลับถูกธรณีสูบ
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า มนุษย์สมัยนี้ มีแต่พระพุทธ ขอพรจากพระพุทธ สร้างพระพุทธกันเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วอ้างตนมีพระพุทธศาสนาประจำใจ ประจำชาติ แต่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนอย่างนั้น พรที่ทุกคนอยากได้ เมื่อมาถึงพระพุทธเจ้า ท่านจะตรัสว่า "อาตมามีธรรม สิ่งที่อยากได้ ให้นำธรรมของท่านไปปฏิบัติ ถ้าทำได้ ก็จะได้พร" ก็ด้วยเหตุ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ถืออำนาจธรรม ธรรมที่ท่านให้ แล้วเราท่านนำมาปฏิบัติ เมื่อทำได้ จะเกิดเป็นอำนาจ ดลให้ได้ตามที่ขอ
ก็หากเราท่าน มีแต่พระพุทธ มุ่งขอพรพระพุทธ เขาทำกันอย่างนี้ทั่วโลก ไม่มีใครประสพผล อยากได้พร ก็ต้องมีพระธรรมของท่าน นำมาปฏิบัติ แม้จะมีกรรมมากสักฉันใด ก็มีวันหมด พรที่ปรารถนาย่อมสำเร็จ ดั่งเช่น ท่านองคุลีมาร ที่ได้กระทำตนเป็นพงศาวดารให้เราเห็น
แล้วแค่โรค จะเหลืออะไร เมื่อมาเจอธรรมของพระพุทธเจ้า และสมุนไพร ไม่ต้องสนว่าเป็นโรคอะไร คือคำตอบ สนแต่ว่า เราจะเอาธรรมของท่าน มาปฏิบัติได้หรือไม่ ให้สุขแก่เขาสุขนั้นถึงตัว หรือ จะทำอย่างคนไทยบางคนตอนนี้ เขาเดือดร้อนจากภัยพิบัติ คนแห่แหนมาพักเมืองกาญจน์ ห้องพักเดิม ราคา เดือนละ 2500 บาท ก็ขื้นเป็น 8000 บาท น้ำแพคละ 60 บาท ก็ขาย 300 บาท ไอ้โน่นขึ้น ไอ้นี่ขึ้น พฤติกรรมอย่างนี้ ให้ทุกข์หรือให้สุข แก่เพื่อนมนุษย์ ในยามนี้ หาบุญได้ง่ายยิ่ง เพราะคนทุกข์เกลื่อน กับเดินสวนทางไปเพิ่มทุกข์ให้เขาเหล่านั้นอีก ลองคิดดูว่า เราท่านกำลังเดินตามใคร ท่านองคุลีมาร หรือ เทวทัต กันแน่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น