สภาพเช่นนี้มีให้เห็นมากมาย ล่าสุดก็คนไข้อเมริกันที่มา หมอแก้อาการย่อยยากไม่ได้ ทำให้อาหารที่ทานเน่าเสียในระบบทางเดินอาหาร ก็ใช้วิธี งดอาหารทุกชนิด ให้แต่โปรตีนที่ย่อยแล้ว แก่คนไข้แทน
แลหมอหยุดอาการลุกลามของมะเร็งไม่ได้ ที่ลามไปยังกล่องเสียงและหลอดอาการ ก็ใช้วิธีตัดออก คนไข้ก็ไม่สามารถทานอาหารได้ และยิ่งไปกว่านั้น พูดไม่ได้อีกเลย
ความมักง่ายอย่างนี้เอง ทำให้ได้ยินคำที่กล่าวกับคนไข้เสมอว่า ไม่ได้ตายด้วยโรคมะเร็งหรอก แต่จะอดอาหารตายก่อน
คนไข้ประเภทนี้มักจะมีใจสู้ จึงทานสมุนไพรเต็มที่ หากแต่พวกเขาลืมความจริงว่า อวัยวะของเขานั้นไม่ได้ทำงานมานานแล้ว ผลก็คือ อวัยวะปรับตัวไม่ทัน เกิดอาการขึ้นเมื่อสัมผัสสมุนไพร
แม้นจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าอวัยวะรับรู้และตื่นตัวแต่ยังปรับตัวเองไม่ได้ ความทรมานก็บังเกิด เช่นเจอไพลเหลืองเข้าไป ร่างกายจะร้อนมาก เป็นต้น
การทานสมุนไพรจึงต้องอาศัยความละเอียด ชิงไหวชิงพริบกับอาการ อย่าใจร้อน คำแนะนำที่ให้ จึงต้องปรับสภาพอวัยวะให้คุ้นชินกับสมุนไพรก่อน มิฉะนั้นอาจแหยงยา จนไม่กล้าทาน
คนที่ทานยาเคมีมานานๆ จึงแนะนำว่าควรทานยาเย็นรองพื้น เช่นยาเขียว เพื่อให้สภาพของกระเพาะที่บาง และมีเมือกอุดตัน ฟื้นฟูขึ้นมาก่อนสักระยะหนึ่ง หยุดลูกกลอนไปก่อนระยะแรก รอจนระบบทางเดินอาหารและกระเพาะฟื้น มีความหนาของผนังรอองรับสมุนไพรได้ก่อน
คนที่ทานอาหารทางสาย จึงควรสังเกตปริมาณอาหารที่ให้ หากทานได้มากขึ้น ก็แสดงว่าอวัยวะเริ่มฟื้น ก็ควรเริ่มเปลี่ยนอาหารเหลวเป็นเนื้อสัตว์ที่บดละเอียด ทดสอบระบบการย่อย
ดูอุจจาระว่ามีสภาพยังเป็นเนื้ออยู่หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนสภาพหมดก็แสดงว่าระบบเริ่มกลับมาทำงานแล้ว จึงเริ่มป้อนสมุนไพรที่เป็นธาตุไฟ มากๆ เช่นลูกกลอนได้
ส่วนสมุนไพรมะพร้าว ในระยะแรกสามารถให้ทานได้ แต่ต้องบดให้ละเอียด
ความละเอียดยิ่งมากขึ้นในยามวิกฤติเป็นตายเท่ากัน นั่นจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมจึงต้องให้พำนักที่มูลนิธิ เพราะการทานสมุนไพร ต้องแก้ไขอาการต่างๆให้ทันท่วงที
การเปิดรับคนไข้ใน จึงหาใช่ให้มาอยู่จนหาย หากแต่ให้มาอยู่ในช่วงวิกฤติที่การทานสมุนไพรแต่ละตัว ต้องทันท่วงที และแก้ไขอาการปัจจุบันทันด่วนที่อาจทำให้เสียชีวิตได้
เมื่อพ้นวิกฤตก็เป็นช่วงฟื้นฟู รอวันเวลา ก็กลับบ้าน ถึงเวลาก็มารับสมุนไพรเหมือนคนทั่วไป
การทำเช่นนี้จะทำให้โอกาสรอดมีสูง และยังได้เรียนรู้การกระทำที่ถูกในการช่วยตน ด้วยเหตุแห่งกำลังใจ แลผลในการตอบรับที่ดีขึ้นนั่นเอง
อนาคตสมุนไพรก็จักไม่เป็นไก่รองบ่อน รอจนเละแล้วค่อยมา หากแต่เป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่เป็นในระยะแรกๆ ได้เลือก ไม่ต้องเสียทั้งเงิน และที่สุดพบกับสภาพที่เลวร้าย จนถึงแก่ชีวิต
โรคเป็นบริวารของกรรม ชนะโรคได้ก็ชนะกรรมได้ โลกนี้นอกจากพระพุทธเจ้า หามีใครชนะกรรมได้ จึงไม่มียารักษาโรค
ที่นี่จึงไม่ได้ใช้ปัญญาของตนเองมาสอน หากแต่นำภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้าที่แม่ชีเมี้ยนถ่ายทอดมาให้มาบอกกล่าวให้พิจารณาเพื่อช่วยตนของตน
ใครที่อวดเก่งว่าตนเป็นหมอรักษาคนได้ มียาดี จึงต้องภาษิต หมองูตายเพราะงู ท้ายสุดก็เป็นโรคตาย
อยากหาย มาเรียนรู้ รับสมุนไพร แล้วช่วยตนของตน หวังพึ่งผู้อื่น ก็เหมือนอาศัยช่างลอง ไม่เพียงเสียเงิน หากแต่ยังอาจถึงสียชีวิตด้วย