นับตั้งแต่ยุคของ ศาลาขนมไทย ที่ชมรมคนรักสุขภาพ ได้เปิดให้บริการ แลมีผู้คนนับพันหลั่งไหลเวียนกันมาใช้บริการ
คำถามหนึ่ง ที่กลุ่มกรรมการ มักเรียนถามหลวงพ่อนิพนธ์ นั่นคือ หลวงพ่อนิพนธ์จะมาเหนื่อยกับคนเหล่านั้นทำไม ในเมื่อทำไม่หวังผล ไม่เก็บเงิน หากแต่ผลที่ได้จากคนที่มาก็น้อยเหลือเกิน
ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์ ไม่จำกัดวงคนที่มาใช้บริการ โดยเฉพาะคัดแต่คนที่เข้าใจ พูดกันรู้เรื่อง กลุ่มเล็กๆ แล้วทำเอาผล ที่สำคัญ คือ สามารถร่วมกันรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายที่มี โดยไม่ต้องให้หลวงพ่อนิพนธ์เดือดร้อนแต่ประการใด
หลวงพ่อนิพนธ์ปฏิเสธ แนวทางนี้มาตลอด ด้วยเห็นว่าเป็นการปิดโอกาสคน อาจเข้าข่าย เลือกปฏิบัติ แม้นว่าการให้โอกาสคนส่วนใหญ่ดังที่เป็น จะให้ผลของการสำเร็จน้อย แต่ค่าก็มหาศาล เกินคุ้ม
ผ่านมานับสิบปี มา ณ.วันนี้ คณะกรรมการ ก็เสนอเรื่องนี้มาอีกครั้ง ให้หลวงพ่อนิพนธ์พิจารณา ด้วยวันเวลาที่ต่างไป จากเดิมที่ความต้องการของหลวงพ่อนิพนธ์ อยากให้สมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ได้เป็นที่รู้จัก แลเป็นทางเลือกของคน ในการช่วยตน มาบัดนี้ ก็น่าจะเรียกได้ว่า ความมุ่งหมายอันนั้นบรรลุแล้ว
ข้อเสนออันนี้ จึงถูกนำมาให้ทบทวนอีกครั้ง และอยู่ในระหว่างพิจารณา นั่นก็หมายความว่า กติกาเดิมในยุคแรกๆ ของศาลาขนมไทย อาจจะถูกกลับนำมาใช้อีกครั้ง นั่นคือ การไม่รับคนเข้ามา โดยไม่มีสมาชิกดั่งเดิม ที่มีคุณสมบัติครบ เป็นผู้รับรอง
การกลับมาของกติกานี้ นั่นย่อมหมายถึง วันเวลาที่หลวงพ่อนิพนธ์จะเน้นเอาซึ่งผลของผู้ที่มา เป็นสำคัญ ผู้ที่จะเข้ามาจึงต้องเรียนรู้ และเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎกติกา หาใช่มาเพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้าง มาตามกระแส มาลอง ... มาทานเล่น ... อยากมาก็มา ไม่อยากก็ไปซะงั้น พฤติกรรมเช่นนั้น ไม่ควรจะมาอยู่ในสถานที่นี้
สิ่งนี้ ไม่ว่ากรรมการจะเสนอหรือไม่ แต่ช้าเร็วก็ต้องเกิดขึ้น หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ด้วยธรรมของพระภูมี เริ่มบทบัญญัติจาก เมตตา กรุณา มุทิตา แล้วในที่สุด ก็ต้องถึง อุเบกขา ... เพราะเขาเอาคนทำได้
คนที่เข้ามาได้ จึงมีเฉพาะคนที่อยากได้ .... ฟัง เรียนรู้ เชื่อ แล้วทำตาม... ชั่วครู่ชั่วยาม จนกว่าชีวิตจะปลอดภัย นั่นคือ ช่วยตนจากโรคภัยได้สำเร็จ