ในขณะที่ประเทศผู้ผลิตยา ออกกฎหมายบังคับให้ขายและซื้อสมุนไพร แล้วประเทศไทยทำอะไร
ดร.สุชาดา มารวาฮา กล่าวถึงประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ขึ้นทะเบียนพืชสมุนไพร 13 ชนิดเป็นวัตถุอันตราย ว่า ยังงงกับประกาศดังกล่าว เพราะพืชสมุนไพรทั้ง 13 ชนิดล้วนมีประโยชน์และมีคุณสมบัติดีต่อสุขภาพ หลายชนิดมีการใช้รักษาโรคมานานกว่า 1,000 ปี เช่น ขมิ้น ขิง ตำราการรักษาโรคแบบโบราณในหลายประเทศ เช่น อินเดีย มีการใช้สมุนไพรทั้ง ขมิ้น และขิง รักษาโรคมานานเช่นกัน
ด้านนายวัลลภ เผ่าพนัส นายกสมาคมแพทย์แผนไทย เชียงใหม่ กล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ขึ้นทะเบียนพืชสมุนไพร 13 ชนิด คือ สะเดา ตะไคร้หอม ขมิ้นชัน ขิง ข่า ดาวเรือง สาบเสือ กากเมล็ดชา พริก ขึ้นฉ่าย ชุมเห็ดเทศ ดอกดึง และหนอนตายหยาก เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่ 1 บัญชี ข. พืชสมุนไพรทั้งหมดไม่น่าจะใช้วัตถุอันตราย แต่สิ่งที่เป็นอันตรายอีกหลายชนิดกระทรวงฯ กลับไม่ประกาศให้เป็นวัตถุอันตราย จึงไม่เข้าใจว่าประกาศดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ต้องดูรายละเอียดที่ชัดเจนอีกครั้ง
โชคยังดีที่ความคิดอกุศลเยี่ยงนี้ ล้มลงในที่สุด
สิ่งนี้ทำให้เราคิดว่า เพราะเขารู้ว่า มีสมุนไพรของจริงเกิดขึ้นมา เขาจึงกลัว กลัวที่คนจะรู้ว่า ของเขาเป็นของปลอมนั่นเอง แต่เราว่าเขาวิตกเกินไป เพราะคนที่ชอบ กินปุ๊บ หายปั๊บ มีมากมายเหลือคณา คนเหล่านั้น คงไม่เหมาะกับสมุนไพร เป็นแน่แท้ ดังนั้น อย่างน้อย วิชาการแพทย์สมัยใหม่ ก็ยังเป็นที่พึ่งทางใจให้คนเหล่านี้ได้ อย่างแน่นอน
สำหรับสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ย่อมถูกตรวจสอบอย่างละเอียดแน่นอน กระทั่งในยุคถ้ำกระบอก อเมริกาถึงกับนำรถตรวจสอบบินข้ามฟากมาทดสอบถึงที่ จนต้องยอมรับ เมื่อผลเป็นที่ประจักษ์ พร้อมอนุมัติเงินช่วยเหลือถ้ำกระบอกในสมัยนั้น ในปัจจุบันก็เช่นกัน ก่อนจะมาเป็นมูลนิธิไทยกรุณา ยาเขียวทีใช้แจก ท่านเทใส่แก้วเหล้าเป็ก ให้ทาน ทานเสร็จล้างน้ำ แล้วก็รินให้คนต่อไป เขาแจ้งว่า วิธีนี้สกปรก อาจมีเชื้อโรคติดต่อ แพร่กระจายได้ ท่านจึงให้นำไปตรวจ และแนะนำให้เปรียบเทียบ แก้วหนึ่งให้เทน้ำร้อนใส่ อีกแก้วหนึ่งเทยาเขียวใส่ แล้วเทออก หลังจากนั้นให้ตรวจเชื้อโรคที่คงค้างในแก้ว จากผลการตรวจครั้งนั้น ทำให้ไม่มีข้ออ้างที่จะกล่าวหาได้อีก ท่านจึงบอกว่า ถ้าหากตัวสมุนไพรเองเขารักษาตัวเองไม่ได้ จะรักษาคนทานได้อย่างไร
ก็แล้วท่านๆ หล่ะ ตรวจสอบไหมว่าสิ่งที่ทาน มีผลกับตัวท่านอย่างไร เคยถามไหมว่า สิ่งนั้นมีผลข้างเคียงหรือไม่อย่างไร ทำไมจึงวางใจได้สนิท ทั้งๆ ที่มันผิดธรรมชาติ แต่ยุคนี้มันแปลก ธรรมชาติ กลับเป็นสิ่งผิด เราอาจได้เห็นสิ่งแปลกๆ ดังที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวกับ พลเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ ในครั้งก่อนที่ว่า อาจได้เห็นกฎหมาย ว่า คนที่มีอาการปวด ถ้าทานบอระเพ็ดติดคุก แต่หากทานยาแก้ปวด ถูกกฎหมาย ฤาว่า คนใหญ่คนโต ปี 52 กำลังทำให้คำกล่าวนี้เป็นจริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น