มนุษย์ทุกวันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า มีพฤติกรรมท้าทาย ด้วยมั่นใจในวัตถุ ความเจริญในเทคโนโลยีที่ตนมีอยู่ และพึ่งในกิจวัตรประจำวัน จนเลยเถิด ว่าวัตถุเหล่านั้น จะเป็นที่พึ่งได้ในเรื่องของวิญญาณ ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ เพราะสุขทุกข์ของวิญญาณ พระภูมิตรัสว่าเป็นไปตามกรรม ไม่มีวัตถุสิ่งของใดๆ ในโลกที่จะเหนือกรรม ดังนั้น โรคย่อมเป็นตัวแทนแห่งกรรม เพื่อมาทำให้วิญญาณของคนๆ นั้น ได้รับทุกขเวทนา ตามที่ทำมา ก็แล้วสิ่งที่มนุษย์คิดค้น จะมาเปลี่ยนแปลงกรรม มันคงเป็นไปไม่ได้ ท่านจึงกล่าวทุกครั้งว่า ถ้าพูดถึงโรคจริงๆ ที่มาทำให้มนุษย์ตาย ย่อมไม่มียา หรือ วิธีใด ที่เกิดจากความคิดของมนุษย์ที่จะมาเยียวยาได้ เพราะมนุษย์อยู่ใต้กรรม สิ่งเดียวที่ประจักษ์ ว่าอยู่เหนือกรรม คือพระพุทธเจ้า ดังนั้น วิธีเดียวที่จะชนะโรคได้ คือวิธีที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้กำหนด หรือตรัสให้ทำเท่านั้น
แม้ประจักษ์พยาน ที่สำคัญ จะมีให้เห็นคนแล้วคนเล่า นายแพทย์ชื่อดังที่คิดค้นวิธีที่จะต่อสู้กับมะเร็ง จนได้รับรางวัลโนเบลคนล่าสุด ก็ตายด้วยมะเร็งตับอ่อนไปแล้ว คนที่ร่ำรวย ติดอันดับโลก สตีฟ จ๊อป ก็วายชนม์ด้วยมะเร็งตับอ่อนเช่นกัน มันก็คงยังหยุดคลื่นมหาชนคนไทย ที่ถูกหลอกโดยบุคคลที่เขาเชื่อถือ ว่ามีภูมิรู้ ช่วยเขาได้ ให้เดินตามรอยนั้น และคงมีจุดจบเช่นรุ่นพี่ วงจรอุบาทว์อันนี้ ยังคงขยายตัวไป ทำให้พรหมลิขิตที่เขียนมาของมนุษย์ให้ตายตามเกณฑ์ 80 ปี ก็ต้องถูกลบไป กลายเป็นตายด้วยโรคอุบัติเหตุ อันเป็นผลเนื่องจากได้รับสารเคมีมากเกินกว่าร่างกายจะรับไหว นั่นเอง
เพราะความโลภของคน ทำให้เขาไม่สนใจว่า ผลิตภัณฑ์ที่เขาทำ จะทำให้เพื่อนมนุษย์มีชะตากรรมเลวร้ายปานใด สอดคล้องกับความอยากของคนที่มีค่านิยมผิดๆ แต่กลับถูกส่งเสริมให้ทำ จนยากจะหยุด อาทิเช่น การแต่งหน้า ครีมทาผิว ย้อมสีผม เพียงเพื่อผลในวันนี้ หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดโรคทำร้ายเราในวันหน้าอย่างสาหัส วันหนึ่ง เราจะได้พบโรคที่ไม่เคยมีในอดีต แต่เราจะได้เห็นในยุคปัจจุบัน จะเกิดมีโรคมะเร็งเส้นผม และอื่นๆ ตามมา เชื่อหรือไม่ เพราะพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเรากำลังส่งเสริมให้ลูกหลาน แกว่งตีนหาเสี้ยน กลายเป็นโรคอุบัติเหตุ หมดอายุขัย หรือหมดสภาพก่อนเวลาอันควร
กรรมอะไรเล่า ทำให้พวกเราเห็นผิดเป็นชอบ ..... รู้ตัวอีกทีเสี้ยนก็ตำตัวแล้ว
ในไม่ช้าเราคงจะได้เห็น มนุษย์กระป๋อง เดินไปไหนก็ต้องมีกระป๋องออกซิเจนติดตัว เหมือนที่นักกีฬาใช้ แล้วมาแลดูกัน ว่าพยากรณ์นี้จะมีจริงหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น