วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้าวรอฝน


สิ่งที่เราหรือใครบางคนอาจสงสัย ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของหลวงพ่อนิพนธ์ คืออะไร ก็เห็นประกาศ ค่าสมุนไพรก็ไม่เอา การเมืองก็ไม่ยุ่ง แล้วท่านต้องการอะไร ในการยุยงส่งเสริมให้คนมาทานสมุนไพรและมาเอาธรรมของพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติ ที่สำคัญจะเชื่อได้อย่างไรว่า สมุนไพรและคำสอนดังกล่าวเป็นของพระพุทธเจ้าจริง

หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ถ่ายทอดคำสอนของแม่ชีเมี้ยนมาว่า โลกเรานี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่แค่สองอย่าง คือ กรรม และ ธรรม เท่านั้น ความศักดิ์สิทธิ์ของกรรมนั้นเห็นได้จาก ผู้ใดมีกรรม ผู้นั้นต้องได้รับผลกรรมนั้น ไม่มีสิงใดจะขวางหรือป้องกันได้ ไม่ว่าผู้นั้นจะมีฐานะใด เมื่อกรรมมาก็ต้องรับ ท่านยกตัวอย่าง ฝรั่งนำเด็กตั้งแต่แรกเกิด ทดลองให้อยู่และกินอาหารในที่ที่ปลอดเชื้อโรค ผลการทดลอง ก็ยังปรากฎว่าเด็กยังคงมีเชื้อมะเร็งอยู่ ดังนั้นสิ่งใดๆ ที่มนุษย์สร้างจึงป้องกันกรรมไม่ได้เลย กรรมจึงศักดิ์สิทธิ์ ปกครองมนุษย์ได้มาทุกยุคทุกสมัย กระนั้นก็ตาม ยังมีทางสายหนึ่งที่เป็นทางรอด ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ นั่นคือ ธรรม ที่เป็นช่องให้มนุษย์ได้มีโอกาสหนีกรรม ไม่ใช่ล้างกรรม

ก็ด้วยช่องทางนี้ จะเป็นตัวพิสูจน์ว่า คำสอนและสมุนไพร ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เป็นของจริงหรือของปลอม ก็ดูจากผลของการหนีกรรม ว่าเป็นอย่างไร สิ่งอันใดที่ท่านว่าศักดิ์สิทธิ์ สามารถทำให้เราหนีกรรมได้หรือไม่ มีบุญญาธิการที่จะปกป้องเราได้จากภัยต่างๆ หรือไม่ หลายสิบปีที่ผ่านมา ผลที่ปรากฎ ไม่เคยมีวิธีอื่นใดเลย นอกจากวิธีที่แม่ชีเมี้ยนนำมาเท่านั้น ที่มีผู้คนประสพผล หรือพูดง่ายๆ ว่ารอด แม้จะไม่ทั้งหมด แต่ก็มีโอกาสรอด เป็นที่ประจักษ์

กระนั้นก็ตาม หลวงพ่อนิพนธ์ก็ยังบอกว่า สิ่งนี้เป็นเพียงเสี้ยวของความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาเท่านั้น สิ่งที่เราได้จากการมาทานสมุนไพร และนำธรรมของพระพุทธเจ้าบางหมวดมาปฏิบัติ แล้วส่งผลที่ดีต่อชีวิต จะทำให้เราทราบซึ้ง และได้ทำตนเตรียมพร้อมที่จะเป็น พุทธศาสนิกชนของพระพุทธเจ้า อุปมาเปรียบดัง เรากำลังทำตนเป็น "ข้าวรอฝน" คือทำตนรอพระพุทธเจ้าที่จะมาอุบัติ เมื่อท่านมาอุบัติ เสี้ยวเล็กๆ นี้ ก็จะเป็นสะพานให้เราสามารถปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้โดยง่าย

สิงนี้ต่างหากที่เป็นจุดประสงค์หลักในการดำรงอยู่ของมูลนิธิไทยกรุณา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องโฆษณาให้คนมามากๆ หากแต่ต้องการคนที่ต้องการมีใจตรงกัน ที่จะศรัทธาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า มาอยู่รวมกัน และก่อเป็นชุมชน สร้างความดี และมันจะเจริญงอกงาม กลายเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ให้แก่คนทุกข์คนยาก อันเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนา ที่ยืนเด่นท่ามกลางศาสนาขอ ดังเช่นอินเดียในอดีต ที่เต็มไปด้วยลัทธิต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ธรรมเขาก็มีความเป็นหนึ่งเดียว ความศักดิ์สิทธิ์ของธรรมก็มีอยู่แต่กับพระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่ได้กระจายดาษดื่นทั่วไป อย่างที่พราหมณ์มันหลอกเรากิน ว่าอันนี้ศักดิ์สิทธิ์ อ้ายนี้ก็ศักดิ์สิทธิ์ เยอะแยะจนงง หลงทางกลับไม่ถูก ถ้าพูดเล่นๆ ตามหลวงพ่อนิพนธ์ ก็ต้องบอกว่า ถ้ามันศักดิ์สิทธิ์จริง ก็ลองเอาของจริง คือคนเป็นมะเร็ง หรือคนเป็นเอดส์ ไปให้ซิ ดูซิมันจะช่วยได้ไหม

ก็แล้วเราจะทำตัวเป็นข้าวรอฝน ในแผ่นดินของแม่ชีเมี้ยน รอวันโตและออกรวง หรือจะเป็นเม็ดข้าวที่ตกอยู่ในพื้นปูน แล้วคิดว่าเป็นดิน กว่าจะรู้ตัว ก็ถูกนกกาจิกกิน ไม่มีวันโต

น่าเสียดาย เพราะเราเหลือแค่เสี้ยวของพระพุทธศาสนา ที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้ แต่เราก็ถือว่าเป็นพระคุณสูงสุดที่ทำให้เรายังเหลือทางรอดจากภัยพิบัติที่กำลังมารุมเร้ามนุษย์ ยิ่งคิดยิ่งน่าเสียดาย และผิดหวังที่คนไทย ไม่อาลัยจากการสูญเสียบุคคลที่ดีที่สุดในโลกนี้เลย ซ้ำร้ายยังไม่คิดส่งเสริม หรือรักษา เสี้ยวอันน้อยนิดนี้ไว้ในแผ่นดินอีก กรรมอะไรหนอ .......

ยิ่งเราได้ฟังหลวงพ่อนิพนธ์พูดว่า แม่ชีเมี้ยนอาจจะเอาเสี้ยวเล็กๆ นี้คืน นั่นก็หมายถึง แผ่นดินไทย ก็คงไร้ร่มโพธิ์ร่มไทร ให้พักพิงอีกต่อไป คำพูดเล่นๆ ที่ท่านมักพูดเสมอ คือ "สิ้นเรา ก็สิ้นสัญญา" ใครไม่คิดอะไร เราได้แต่ภาวนา ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย ใครมองเห็นหลวงพ่อนิพนธ์เป็นชายแก่ธรรมดาๆ แต่เราเห็นว่า ท่านเป็นตัวแทนของแม่ชีเมี้ยน เป็นบุคคลที่มีคุณค่าที่สุดในโลก น่าศรัทธาที่สุด ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร แต่เราเห็นเช่นนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพราะเป็นลูกของแม่ชีเมี้ยน แต่ท่านเป็นคนเดียวที่สืบทอดคุณธรรม และน้ำใจของแม่ชีเมี้ยน มาเผื่อแผ่ให้พวกเรานั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44