ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2554
พงศาวดาร - ทำบุญ หรือ สร้าง "กรรม" กันแน่?
หลวงพ่อนิพนธ์ มักให้สติว่า "ทำอะไรต้องดูให้ดี" เพราะคนสมัยนี้มักง่าย อันเป็นสาเหตุให้สิ่งที่ทำไม่ส่งผลให้ดังตั้งใจ ท่านมักยกตัวอย่างที่เรียกว่าคลาสสิก คือ การที่คนไปทำบุญที่วัด ความตั้งใจอาจเปี่ยมล้น ความละเอียดในการทำหรือจัดสรรสิ่งของก็ล้นเหลือ เมื่อทำเสร็จก็ประคองสิ่งนี้ไปถวายวัดหรือถวายพระ กลับมาก็นั่งโมทนาในผลบุญที่ได้กระทำไป อิ่มอกอิ่มใจ แต่ในความจริงมันเป็นบุญหรือไม่ เราไม่เคยสืบสาวเลย
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสิ่งของที่เราไปถวาย ตกไปถึงพระโจร เราไม่กลายเป็นให้กำลังโจรหรือ เราได้เห็นได้ยินข่าวพระนอกรีตมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่เราไม่เคยนึกถึงคือ พระกำลังตัดกิเลส ถ้าเราถวายเงินให้พระ ทำให้พระมีเงิน และอยากไปโน่นไปนี่ ซื้อโน่นซื้อนี่ ไม่เท่ากับว่าไปส่งเสริมกิเลสของท่าน สิ่งนี้ก็เท่ากับเรากำลังทำลายพระใช่หรือไม่ เราพอใจแค่ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ และหวังบุญ แต่สิ่งที่เราทำมันจะเป็นบุญได้อย่างไร ถ้าสิ่งของเหล่านั้นไม่ได้ถูกใช้ไปดังที่เราตั้งใจ คือส่งเสริมพระพุทธศาสนา กลับถูกใช้ไปในทางตรงข้าม
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมสิ่งที่เราทำจึงสูญเปล่า ไม่ย้อนกลับมาเป็นบุญคุ้มครองเราให้พ้นจากกรรมได้เลย เพราะสิ่งที่เราทำ หลวงพ่อนิพนธ์สอนว่า อุปมา เราหว่านข้าวลงบนพื้นปูน แล้วหวังข้าว ไม่มีวันจะได้ข้าวคืนกลับมาอย่างแน่นอน มีแต่จะถูกนกกาจิกกิน
เราจึงอยากบอกว่า พฤติกรรมในการทำบุญของพวกเรา ควรจะต้องมีความละเอียดจนสุดกระบวนการ ผลที่ได้จึงเป็นไปตามหวัง เมื่อท่านมีใจจะช่วยคนน้ำท่วม ท่านบริจาคเงิน แล้วเงินนั่นไปไหน ท่านพอใจแค่ได้บริจาค และยินดีที่ได้ทำบุญ ผลนั้นจะเป็นบุญได้อย่างไร เมื่อเงินของท่านไม่ได้ไปตามที่ต้องการ ถูก อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เก็บงำเป็นส่วนตัว หรืออยู่ในบัญชีของใคร แล้วท่านจะเอาบุญมาจากไหน เพราะมันกลายเป็นค่าเหล้าเสียแล้ว
คนไทยมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่ทำไมจึงมีพฤติกรรมกลายเป็นทำลายศาสนา ก็เพราะเราไปหลงเชื่อพราหมณ์ ที่ใช้ผ้าเหลือง ทำให้เราเดินไปในทางสร้างวัตถุ และหลงว่าเป็นบุญ ซึ่งแม่ชีเมี้ยนตรัสว่า ไม่ใช่ทางของพระภูมี เพราะแหล่งบุญของพระภูมี คือการสร้างคน บุญของพระพุทธศาสนา ต้องมองที่คนทุกข์ ซึ่งเป็นแหล่งเดียวกับกรรม ก็ต้องทำกับคนเช่นกัน ช่วยคนสัตว์ก็เป็นบุญ ฆ่าคนสัตว์ก็เป็นกรรม ไม่ใช่สร้างวัตถุเป็นบุญ ทุบวัตถุเป็นบาป ทำให้เราเลยสิ่งที่ถูก หลงตามพราหมณ์ ไปยึดวัตถุ เครื่องลาง ไปวัดเพื่อสิ่งนั้น แล้วกลับมาบ้าน อิ่มใจได้บุญ แล้วก็ไปตีกัน ด่ากัน ทำร้ายกัน เพราะมีของดีอันนั้น แทนที่จะได้ธรรมของพระพุทธเจ้า นำกลับมาปฏิบัติทำให้คนในครอบครัว และรอบข้าง เป็นสุขที่เรามีธรรม ก็หาไม่ ผลที่ปรากฎ ดังพยากรณ์ของแม่ชีเมี้ยน ประเทศเราจึงถูกลงโทษ ด้วยน้ำ และกำลังตามมาด้วยลม และยังมีอีก
ผลของการกระทำ ย่อมมีพงศาวดารให้สืบสาว การมาเรียนรู้ในสิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์สอน ทำให้เรารู้และเข้าใจ ในการจะสร้างพงศาวดารที่ถูก เพื่อผลที่ถูก และไม่ว่าจะแย้งหรือเถียงสักฉันใด ผลผิดที่เกิดมาให้ทุกข์ ย่อมมาจากพงศาวดารที่ผิด แม้จะเกิดจากความตั้งใจที่ถูกก็ตาม สิ่งที่เกิด ที่ทำให้เราตกเป็นเหยื่อของพวกพราหมณ์ชุดเหลือง ก็เนื่องจากการขาดศาสนา ทำให้เราไม่รู้เรื่องราวของศาสนาที่แท้จริง จึงถูกหลอก
เมื่อของจริงเขามา พระพุทธเจ้าอุบัติ พวกพราหมณ์ชุดเหลืองเหล่านี้ จะถูกกวาดทิ้ง เรียกว่าสังคยานา เราจึงอยากเตือนว่า หยุดเถิด ไปหากินทางอื่น อย่ามาใช้พุทธศาสนา หากินเลย มิฉะนั้นแล้ว เราอาจได้เห็นเทวทัตถูกธรณีสูบในยุคนี้อีกก็เป็นได้
ฉะนั้น เราจึงไม่แปลกใจ ที่ไม่ว่าไปที่ไหนประเทศใด จะมีพระพุทธรูป ตั้งชื่อว่า "พระเจ้าทันใจ" ขออะไรได้หมด ไปที่ไหนก็มีพระศักดิ์สิทธิ์ ขอได้ ก็ถ้ามันขอได้จริง พระพุทธเจ้าท่านคงขอให้มนุษย์ไปนิพพานหมด ไปต้องมาเวียนว่าย ตาย เกิด อย่างนี้หรอก ขอยืนยัน พงศาวดารของพระพุทธศาสนา "พระพุทธเจ้ายังต้องทำ ถึง 6 ปี 4 เดือน สาวกทุกองค์ก็เช่นเดียวกัน" เมื่อเราจะเดินตาม จะใช้วิธีใด แล้วจะเรียกศาสนาขอเหล่านั้น ว่าเป็นของท่านได้อย่างไร ในเมื่อเราส่งเสริมศาสนาของพระโคดม ให้กลายเป็นศาสนาขอ แล้วจะไม่เรียกว่า เรากำลังทำลายศาสนาของท่านได้อย่างไร
"แล้วเราจะเอาธรรมของท่านไปไว้ไหน ในพงศาวดาร"
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น