ขอบคุณภาพจาก www.buriramguide.com |
ธรรมหมวดหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยน สอนให้เป็นสติเพื่อใช้ในการทานสมุนไพร ธรรมหมวดนี้ หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า เมื่อเราเชื่อในเหตุผลของพระพุทธเจ้าว่า "โรคเกิดจากกรรม" สิ่งนั้นมีความหมายที่แฝงไว้ ทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่า ถ้าเราสามารถยืนหยัดทานสมุนไพร เราต้องหายโรคได้อย่างแน่นอน
ก็ด้วยเหตุ ที่มีที่มาจากกรรม ย่อมอุปมาดั่งเราเป็นหนี้ เมื่อเราทำใช้ จึงต้องมีวันหมด และเมื่อหมด ก็คือ ไม่มีกรรม แล้วโรคจะอยู่กับเราได้อย่างไร
ก็ด้วยเหตุ เราทุกคนมีพรหมลิขิต มีอายุขัยของตนเองอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าเรายอมทุกข์วันนี้ เพื่อใช้กรรม ความเจ็บ และทรมานที่เกิด นั่นก็ต้องเป็นการใช้หนี้ ความลำบากในการทานสมุนไพร อบตัว หรือ ทำกิจกรรม ก็ต้องเป็นการใช้กรรมเช่นกัน เพราะเป็นทุกข์เกิดจากบัญญัติของพระวินัย ของพระพุทธเจ้า นั่นก็ทำให้เราเห็นได้ว่า เมื่อเรายอมทุกข์ในวันนีั กับทั้งสองสิ่งนี้ ไม่ว่าความเจ็บปวด ทรมาน จากโรค หรือ จากวินัย ย่อมทำให้กรรมเราลดน้อยถอยลง จนหมดได้ในวันหนึ่ง อย่างแน่นอน
ผลของการเรียนรู้ ทำให้เรารู้ว่า โรคฆ่าเราไม่ได้อย่างแน่นอน ทำได้เพียงแค่ทรมาน ขอเพียงพรหมลิขิตยังมี ยังไงก็ไม่ตาย ก็ด้วยความไม่รู้ว่าเราจะไม่ตายนี่เอง ทำให้เราเชื่อในคำขู่ของผู้อื่น ที่หวังอาศัยพรหมลิขิตเราหากิน จนเรากลัวต้องไปทำอย่างที่เขาบอก ไม่ว่า หมอ พ่อมด หมอผี เข้าทรง หรือ ยาผีบอก เมื่อเราหมดกรรม ความทรมานนั้นหายไป คนเหล่านั้นก็สมอ้างว่าเป็นเพราะฝีมือเขา ทั้งที่จริงแล้ว เป็นเพราะพรหมลิขิตของเราต่างหาก
ศาสนาจึงต้องการคนจริง ยอมรับกรรมที่เกิด ว่าเป็นของเรา เราเป็นผู้ทำ เราจึงต้องเป็นผู้รับ แต่ก็ตั้งมั้นในสติ "ทุกข์วันนี้ สุขวันหน้า" เพราะเมื่อใช้มันต้องมีวันหมด วันที่เราหายจากโรคจึงต้องมีอย่างแน่นอน
หากแต่พวกเราปฏิเสธ กรรมเล็ก กรรมน้อย ปวดหัวกินพารา ไม่ยอมให้ทรมานแม้แต่สักน้อย เมื่อกรรมถูกกั้นก็เหมื่อนน้ำเขื่อน วันใดเขื่อนแตก ก็ยากจะรับไหวเสียแล้ว แทนที่จะตายด้วยพรหมลิขิต กลายเป็น อุบัติเหตุ อันเนื่องจากการกระทำที่เสมือนฆ่าตัวเองตาย นั่นเอง
แลกรรมเกิดจากการทำต่อคน แล้วเวลาหาบุญ ไหนจึงเลยคน กลายเป็นวัตถุ หรือทำตนแบบฤาษี นั่งวิปัสสนา กรรมฐาน ไม่เอาใคร โน่นเลย แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า คนเหล่านั้น ดู แล้วเคร่งกว่าพระโคดมเสียอีก แต่ไม่มีใครได้นิพพานด้วยวิธีนี้เลย ดังนั้นถ้าจะสู้กับกรรม ท่านจึงสอนว่า "อย่าเลยมนุษย์"
ก็พุทธประวัติ พระพุทธเจ้าหาบุญเพื่อหนีกรรม ไปอยู่โลกนิพพาน ยังต้องเอาธรรมของท่านไปสอนสาวก แล้วเกิดบุญเป็นพาหนะไปนิพพาน ทำไม เราจึงเชื่อคนที่ให้เรา หลงวัตถุ แล้วเลยคนทุกข์
เราจึงเชื่อแล้วที่ท่านตรัส มนุษย์ ไม่ใช่ดูที่กายเป็นคน เขาดูกันที่วิญญาณ ก็แล้วคนเขาทุกข์จากมหันตภัย ก็สาหัสแล้ว ผู้ที่ยังเอารัดเอาเปรียบ ขายของแพงๆ เพิ่มเติมทุกข์ให้คนเหล่านั้นอีก เราไม่รู้จะเรียกอะไร และก็คงเถียงไม่ได้ว่า ยุคสมัยนี้ คนไทย ชอบแต่พระพุทธ แต่ไม่เอาพระธรรม เราจึงเห็นภาพอย่างนี้ และคนทั่วไปก็ไม่รู้สึกผิด แทนที่จะหาบุญ ขายให้ถูกลง กับไปสร้างกรรม ขายแพงหูฉี่ จะบอกว่าเราเดินตามพระพุทธเจ้าได้อย่างไร เพราะการกระทำมันฟ้อง นี่แหละผลของการขาดศาสนา กรรมจึงเฟื่องฟู และเมื่อผลกรรมมาถึง จะมีที่ตรงไหนให้หลบลี้
ท่านจึงสอนให้จำไว้ว่า "กรรมทำให้เราเป็นทุกข์์" พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ยังกลัวกรรม แล้วเราท่านหล่ะ กำลังทำสิ่งที่ท่านเตือนไว้หรือเปล่า "อยู่ใต้ฟ้าอย่าท้ากรรม" ทำโดยไม่สะท้าน แล้ววันที่ผลกรรมย้อนมาเป็นภัย เป็นโรค จะร้องเรียกสักฉันใด ก็ไม่มีใครช่วยได้ เพราะเราไม่มีธรรมของพระพุทธเจ้าเสียแล้ว สิ่งที่ยึดถือ ก็เป็นลม ไม่มีตัวตนจริง แก้กรรมไม่ได้ ใครที่อวดวิเศษ รักษาโรคได้ จึงเรียกว่า ท้าทายกรรม ผลที่ได้รับคือ "หมองูตายเพราะงู" คนเหล่านั้นจึงเป็นโรคตายกันทุกคน
ก็ถ้ากรรมเขาไม่แน่จริง เขาคงปกครองมนุษย์ทั้งโลก ให้คุณให้โทษอย่างไม่มีลำเอียง และข้อผิดพลาด อย่างแน่นอน
ยอมรับ และ ยอมใช้ ดีกว่าไหม ลองตรองดู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น