ตอนนี้ ประวัติของผู้ป่วยมะเร็ง ที่กำลังรวมเล่ม ของผู้ที่ทำตนจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ให้คนอ่าน มีมากกว่า ๒๐๐ ราย
จุดประสงค์ ไม่ได้มุ่งหาชื่อเสียง ไม่ได้หวังสิ่งอื่นใด แต่ก็เพื่อให้คนรุ่นหลังที่ตัดสินใจใช้ทางเลือกนี้ ที่ดูแล้ว หมอก็เหมือนหมอผี ไม่มีใบประกาศ ไม่มีปริญญา เครื่องไม้เครื่องมือก็ไม่เห็นมี มองด้วยตาแล้วขาดความน่าเชื่อถือ หรือเรียกความเชื่อมั่นไม่ได้เลย
หากแต่ ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน แม้นจะดูไม่ดีสักฉันใด ไม่สบายใจเหมือนอาคารติดแอร์หลังใหญ่ หมอเดินกันไขว่ แต่ที่นี่มีคนหายมาเดินให้เห็น ตัวเป็นๆ ให้ได้คุย ได้สอบถาม เหมือนรุ่นพี่ ที่จะประคับประคองรุ่นน้อง ในมหาวิทยาลัย แล้วก็จบตามกันไป สำเร็จได้รับปริญญาหายโรคเหมือนกันนั่นเอง
สิ่งที่เห็นอยู่ในวันนี้ ก็เรียกได้ว่า คนทั้งโลก หรือ ที่ไหนในโลกทำไม่ได้ เป็นดินแดนมหัศจรรย์อยู่แล้ว หากแต่นี่่แค่จุดเริ่มต้น ของท้องเรื่อง ที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้เท่านั้นเอง
สิ่งที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้ มีค่ามหาศาลกว่านี้มากมายนัก เพียงแต่หลวงพ่อนิพนธ์ยังไม่มีโอกาสได้นำออกมาใช้ เราจึงไม่แปลกใจที่แม่ชีเมี้ยนตรัสทิ้งเป็นปริศนาให้หลวงพ่อนิพนธ์ว่า สิ่งนี้แหละจะใช้กอบกู้ประเทศได้ เป็นการตอบแทนแผ่นดิน
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักสอนว่า วันใดที่ธรรมคำสอนของพระภูมีเกิด สมุนไพรเกิด สามารถสร้างคนดี มีความซ์่อสัตย์ ขันติอดทนได้ จนช่วยตนของตนได้ ในช่วงขณะเดียวกัน ประเทศก็จักเกิดวิบัติ เดินมาถึงทางตัน นั่นหมายความว่า ในอดีตที่ปลูกฝังมาว่า คนดี คือมีความรู้สูง จึงสมควรเป็นเจ้าคนนายคน จนทำให้คนยุคนี้แห่กันส่งลูกหลานเรียนกันให้สูงเข้าไว้
หากแต่การปลูกฝัง จูงลูกจูงหลานเข้าวัด เพื่อให้เป็นคนมีจิตใจดี ก็จางหายไปในสังคมไทย ผลที่ตามมาคือความหายนะของประเทศ
วันเวลาจะหวนกลับ คนดี ซื่อสัตย์ จักกลายเป็นบุคคลหายาก และเป็นที่ต้องการ ไม่ว่าจะกิจการระดับประเทศ หรือเล็กลงมาในบริษัท เพราะ คงไม่มีใครวางใจในคนดี ที่วัดกันด้วยความรู้สูงอีกต่อไป
ภาพของคนดี จะต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าแท้จริงควรเป็นเช่นไร
เราจึงย้อนนึกถึงคำสอน ที่หลวงพ่อนิพนธ์มักกล่าวบ่อยๆ ในหลักที่พระภูมีใช้เลือกสาวก นั่นคือ คนดีของพระภูมี ก็ต้องเริ่มจากคนที่เห็นแก่ตัวก่อนโดยเริ่มจากพัฒนาชีวิตตนให้ดีก่อน แล้วจึงจะวางใจได้ว่า สิ่งที่รู้แล้วไปนำผู้อื่น ก็จะพึ่งรอดปลอดภัยด้วย
ความเห็นแก่ตัว ที่พระพุทธเจ้าสอนให้ทำ ไม่ใช่ความเอาแต่ได้ หากแต่การจะเป็นคนดี ที่ฟ้าดินยอมรับ ก็ต้องช่วยตนให้พ้นก่อน เป็นคนดีให้ได้ก่อน จึงจะไปช่วยผู้อื่น
คำอุปมาที่มักได้ฟังเสมอ นั่นคือ เราท่านมักทำตนเป็นคนรักสัตว์ รักผู้อื่น ช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะที่ยังมีพฤติกรรมทำลายชีวิตตน กินยาเคมีวันละกำ ทำลายอวัยวะ ทำลายชีวิตตน อันเข้าข่าย ฆ่าผู้อื่นก็บาปหนึ่ง หากแต่ฆ่าตนนั้นบาปหนักกว่า จึงมีบัญญัติห้ามทำลายชีวิตตน
เมื่อเราท่านยังมีพฤติกรรมทำลายชีวิตตน ผลแห่งการรักสัตว์ รักชีวิตผู้อื่น การกระทำนั้นๆ ก็ถือว่าเป็นศูนย์ หาค่าไม่ได้เลย จะกล่าวอ้างเหมือนหลายคนที่มักกล่าวอ้างว่า ฉันทำบุญ สร้างวัด ไม่เคยฆ่าสัตว์ ช่วยเหลือคนทุกข์ ก็มากมาย ทำไมถึงต้องมาเป็นเช่นนี้ ... คำตอบที่หลวงพ่อนิพนธ์มักให้ก็คือ ก็เล่นกินยาวันละกำ แถมมีพฤติกรรม ทำลายศาสนาอีก ส่งเสริมพระไปในทางที่ผิด ... นี่แหละต้นเหตุที่ทำให้ผลไม่เกิด
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักชวนชัก ให้ทำตนรอดู ม่านของศาสนากำลังจะเปิด แล้วเราท่านจะได้รู้ว่า ทำไมคนในอดีต ทุกยุคทุกสมัยจึงยอมรับในบญญาธิการของศาสนา ของพระพุทธเจ้า จนกลายเป็นศาสน์หนึ่งเดียว ที่เดินถือบาตร ไม่ว่าไปที่ใด มีคนให้ แต่คนให้ยังต้องกราบไหว้ ระลึกคุณเสียอีก
หลวงพ่อนิพนธ์ เปรียบให้ฟังว่า แม้นได้ใส่บาตร ข้าวถ้วยแกงขัน กับพระอรหันต์ แล้วทำนิสัย สักเล็กน้อย โรคก็วิ่งป่าราบ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า หากตัดนิสัย ตัดกิเลส แล้วทำไมจึงไปนิพพานได้ในชาติเดียว
เราจึงเชิญชวนให้ฝันกัน ... ฝันรวย ฝันโน่น ฝันนี่กันมาเยอะ .. มาฝันได้อยู่รอชมบุญญาธิการของพระพุทธเจ้าองค์ใหม่กัน ที่จะอุบัติในไม่ช้า แล้วได้ไปกราบ น้อมนำคำสอนมาประพฤติปฏิบัติกัน ... เมื่อนั้น คนดีจะมีมากมาย และหากได้ครองเมือง เป็นเจ้าคนนายคน ประเทศจึงจักเป็นศิวิไลซ์แท้
แล้วเราท่านจะได้รู้ว่า แม่ชีเมี้ยนเป็นใคร สำคัญเพียงใด ควรหรือที่คนไทย จะลืมเลือนท่าน ไม่ว่าชื่อ คำสอน แลสิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ มาร่วมสร้างอนุสาวรีย์ของท่านไว้ในแผ่นดินไทยกัน หาใช่รูปอันใหญ่โต แต่สถิตย์ในดวงใจของคนไทย มิรู้ลืมต่างหาก ตราบจนชั่วลูกชั่วหลาน เล่าขานไม่รู้จบ