คนป่วยหลายคน เมื่อมาที่ชมรมคนรักสุขภาพ ในครั้งแรก สิ่งที่มองหา นั่นคือ "สถานที่ตรวจอาการ"
หากแต่หาเท่าไร ก็ไม่พบ เพราะที่ชมรมคนรักสุขภาพ ไม่มี หรือ ไม่ต้องวินิจฉัยอาการของโรคนั่นเอง
หากแต่อยากยก ตัวอย่าง การสอบอาการของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่มีต่อคนไข้ อันเป็นบทสนทนา มาให้ฟัง
คนไข้หญิงท่านหนึ่ง เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย มาเล่าอาการของตนให้หลวงพ่อนิพนธ์ฟัง เพื่อให้วินิจฉัย
ขณะกำลังจะเริ่มเล่า หลวงพ่อนิพนธ์ก็กล่าวว่า ไม่จำเป็นหลอก เพราะสิ่งที่เป็นนั้นปลายเหตุ
แล้วหลวงพ่อนิพนธ์ จึงหันไปถามญาติคนป่วยว่า พฤติกรรมของคนป่วยเป็นเช่นไร ได้ความว่า "เนื่องด้วยคนป่วยเป็นมะเร็ง ทำให้มีสภาพที่มีอาการเครียดตลอด และมีอาชีพเป็นครู ทำให้มักระบายอารมณ์ ดุด่านักเรียน พูดจาค่อนข้างก้าวร้าว"
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวแก่คนไข้ว่า ทานสมุนไพรไป แล้วทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง อย่าไปเครียด เพราะหากไม่ถึงที่ตาย ยังไงก็ไม่ตาย มีสมาธิ ควบคุมกิริยาวาจาของตน เลิกดุด่า นักเรียน
หากเปลี่ยนพฤติกรรมได้ นั่นคือ ต้นสายของกรรม ที่ตนกำลังรับอยู่ เมื่อต้นสายไม่มี เหลือแต่ปลายสาย ก็ทานสมุนไพรไป รอวันเวลา รอร่างกายสร้างภูมิ แล้วสภาพก็จะดีเอง
วันหนึ่ง ก็มีเหล่านักเรียนกลุ่มใหญ่ ที่มีคนไข้หญิงท่านนี้เป็นครูประจำชั้น มาหาหลวงพ่อนิพนธ์
ตัวแทนนักเรียนกล่าวว่า พวกเขาอยากรู้ว่า ทำไมคุณครูของเขา จึงเปลี่ยนเป็นคนละคน จากครูที่สอนไปด่าไป กลายเป็นคุณครูที่ใจดี ไม่เคยด่าว่านักเรียน และตั้งใจสอน
เธอไม่เคยสนใจอาการที่เธอเป็นอีกเลย ตั้งหน้าตั้งตาทานสมุนไพร และเน้นควบคุมพฤติกรรมตามคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์
วันนี้ของเธอ เมื่อเวลาผ่านไป มะเร็งก็ผ่านไปจากตัวเธอเช่นกัน
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสรุปให้ฟัง ถึงเรื่องพฤติกรรมว่า เป็นดั่งเช่นที่ท่านผู้หญิงที่ได้กล่าวทวง สัจจะ เช่นดั่งเมื่อครั้งถ้ำกระบอก แต่นั่นคือ การทำตนให้หายขาดจากโรค แล้วอยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย ไม่เป็นอีก
แต่นั่น ถือว่าเป็นการปฏิบัติตน ในระดับที่สูงขึ้นไป
ในเบื้องต้น การทานสมุนไพร ให้เป็นวินัย แล้วปฏิบัติตามข้อบังคับเล็กน้อย ที่หลวงพ่อนิพนธ์กำหนด เช่นสวดมนต์ หรือวัตรอื่นๆ ก็่ช่วยให้สามารถผ่านโรคได้
หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า ถึงแม้จะต้องเสี่ยง ที่หายจากโรคนี้แล้ว อาจจะไปเป็นโรคอื่นอีก ก็ตาม
ถึงกระนั้น ก็ได้แสดงให้เห็นว่า สูตรพระภูมี เป็นไปได้ หากมุ่งหวังที่จะหายจากโรคตลอดการ นั่นก็คือ ต้องขึ้นชั้น ไปปฏิบัติดั่งเช่น ถ้ำกระบอกในอดีต ที่ซึ่ง เป็นความต้องการของแต่ละบุคคลนั้นๆ ที่เห็นค่า แล้วอยากทำ ไม่เป็นการบังคับ