จิตอาสาท่านหนึ่ง ป่วยด้วยโรคมะเร็งมดลูก ระยะสุดท้าย
ด้วยความที่เธอมีอาชีพเป็นพยาบาล ทำให้รู้ดีว่าหนทางเดินของเธอกำลังจะหมดลง เมื่อได้ข่าวของชมรมเธอจึงมาลอง
การมาของเธอ ก็ไม่ทำให้วันเวลาผ่านไปเสียเปล่า เธอได้เสนอตนเป็นจิตอาสา คอยดูแลคนไข้ที่มาใหม่ และจัดระเบียบคนไข้ ที่อาคารมูลนิธิ
วันเวลาผ่านไป หลายเดือน สิ่งที่เธอไม่เคยได้เข้าใจ เธอก็เริ่มได้สัมผัส นั่นคือ "การลงแดง"
อาการปวดของเธอเริ่มเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่อวัยวะต่างของเธอ กลับแข็งแกร่ง ทำงานเป็นปกติ
การเรียนรู้อาการของโรค และสภาวะที่จะพึงเกิด ในการเดินทางด้วยสมุนไพรสูตรพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจ รับสภาพ
จากเดิมที่วิชาการบอกว่า เป็นมะเร็งห้ามทานเนื้อสัตว์ แต่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า การไม่ทานยิ่งทำให้ร่างกายขาดกำลัง เมื่อเกิดวิกฤตก็ไม่มีกำลังเพียงพอในการต่อสู้ เธอก็กลับมาทานเนื้อ และอาหารทุกหมู่อย่างเต็มที่
จนกระทั่งเริ่มมีอาการลงแดง ระบบการทานของเธอ เริ่มมีปัญหา
จากการเรียนรู้ของเธอ ก็ไม่ปล่อยจนร่างกายทรุดโทรม เธอก็ไปให้เลือดเพื่อช่วยให้ร่างกายมีกำลัง
อาการลงแดงของเธอ เริ่มหนักขึ้น จนเธอไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ ก็อาศัยเพื่อนจิตอาสา นำสมุนไพรมาให้ทานแทน
วันเวลาชี้ชะตา หลอกหลอนอยู่ในความคิด ระหว่าง ความปวดที่เกิดนี้นั้น จะทนดี แล้วทานสมุนไพรไป หรือจะกลับไปหาหมอ เพื่อระงับอาการปวดนี้ดีกันหนอ
แต่ในที่สุด เธอก็เลือกการทนปวด ที่เคลื่อนไปตามส่วนของร่างกาย จนในตอนสุดท้าย ก็เคลื่อนจากศรีษะ ลงมาที่ช่วงอก
ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็ม กับการให้เลือดสองคร้้ง น้ำหนักลดไป ๑๖ กิโลกรัม ร่างกายเธอก็เริ่มฟื้น เธอเริ่มกลับมาทานได้มากขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความปวดที่ลดลงไปเรื่อยๆ
วันนี้ เธอกลับมาช่วยบริการเพื่อนสมาชิกได้อีกครั้ง
บทเรียนที่ผ่านมา เธอกล่าวว่า มันน่าจะมีประโยชน์กับคนป่วยมะเร็งท่านอื่นๆ เธอจึงอยากเขียนเล่าอาการตั้งแต่ต้น จนผ่านพ้น เพื่อให้เพื่อนคนป่วยได้รับรู้และเตรียมตัว
หากแต่ความเป็นจริง อาการของแต่ละบุคคล แม้นดูว่าจะเป็นโรคเดียวกัน ก็ต่างกัน ไม่มีทางเหมือนกันอย่างเด็ดขาด
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ด้วยเหตุที่ "ต่างคน ต่างกรรม ต่างวาระ"
เรื่องราวการช่วยตน จึงเป็นเรื่องเฉพาะตน จะเอาเยี่ยงอย่างกันไม่ได้เลยนั่นเอง
หากแต่รูปรอยต่างหาก ที่จะพึงเดินตามกัน นั่นคือ การเรียนรู้ และเตรียมตัวเตรียมใจ อาทิเช่นจิตอาสาท่านนี้ เมื่อรู้ว่าศึกใหญ่กำลังจะมา ก็รีบปรับตัวในเรื่องการกิน ทานให้มาก เพื่อให้เตรียมสู้ศึก เพราะเวลานั้น อาการทานไม่ได้จะถามหา จะได้มีพลังไว้ต่อสู้
การเตรียมใจ ที่ต้องอาศัยความเชื่อมั่นในพรหมลิขิต ที่ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวทุกคนอยู่แล้ว ไม่ถึงที่ตาย ไม่วายชีวาวาตย์ แล้วทำจิดให้สงบ ต่อสู้อาการ รอจนร่างกายสร้างภูมิมาต่อสู้ จนสามารถกดอาการที่เป็นได้ นั่นแหละ ที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า คือ "การหายโรค"
เราจึงขอแสดงความยินดีและขอยกย่อง ในการต่อสู้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนที่เดินตามมาว่า "สิ่งที่อยากได้ ทำได้ ทำมาแล้ว"
และเป็นเครื่องยืนยันว่า ทางเลือกสมุนไพรสูตรพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา มีผู้รอด มาเดินกรีดกรายให้เห็นกันมากมาย ...
แม้นตัวอักษรที่เธอตั้งใจอยากจะเขียน อาจจะไม่มีประโยชน์มากนัก แต่ตัวเธอที่เดินให้คนได้เห็น ภาพจากอดีตจากวันที่มา จนปัจจุบัน ก็เป็นกำลังให้คนที่เดินตามมาได้เป็นอย่างดี
เราท่านได้คนที่รู้จริง จากประสพการณ์จริง อีกคนหนึ่ง สิ่งที่เธอบอก นั่นย่อมไม่ผิดพลาด เพราะเธอผ่านมาแล้ว ...
และความรู้นั้น "ใช้ชีวิตเธอเป็นเดิมพัน"