หลวงพ่อนิพนธ์ ได้ขอใช้ชื่อ ในการดำเนินกิจกรรมของชมรมคนรักสุขภาพ และมูลนิธิไทยกรุณาว่า "พอ.สว."
โดยมีสร้อยลงท้ายว่า ภาคประชาชน (แผนไทย)
และที่สำคัญ จะได้เป็นประเทศไทยสมชื่อจริงๆ ไม่ใช่ฝรั่งเลิกผลิตยาเคมีเดือนหนึ่ง คนไทยก็ดิ้นตายไปค่อนประเทศแล้ว เพราะขาดยาเคมีไม่ได้ แล้วจะเรียก "ไทย" ได้อย่างไร
มองแล้วเห็นภาพ เมืองศิวิไลซ์ของพระภูมี .....
หากคนไทยหันมาทานสมุนไพร เป็นเรือนแสนเรือนล้าน ก็จะประหยัดงบประมาณเรื่องเวชภัณฑ์มหาศาล ซ้ำยังทำให้ได้คนที่มีคุณภาพ และตั้งใจเป็นคนดี ของสังคม มหาศาล
ทำให้เรานึกถึงคำหลวงพ่อนิพนธ์ ที่กล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนทรงสั่ง ก่อนลาสังขาร ที่จะให้นำสมุนไพร ไปเพื่อช่วยพี่น้องคนไทย และใช้กู้ชาติ
และในความเห็นของเรา นี่คือจุดเริ่มของขบวนการ กู้ชาติ นั่นเอง
ในไม่ช้า เราท่าน ก็จะเห็นขบวน "พอ.สว" ภาคประชาชน (แผนไทย) วิ่งไปทั่วประเทศ ให้คนไทยได้มีโอกาสเลือก
รูปภาพที่นำมานี้ ก็เป็นเมื่อครั้ง สมเด็จย่า ทรงเสด็จยังถ้ำกระบอกนั้นเอง
ความผูกพัน ระหว่างถ้ำกระบอก และ สมเด็จย่า จึงมีมายาวนาน และลึกซึ้ง โดยที่คนนอกไม่รู้
แลจีวรซิปข้างนี้ ก็ทรงรับมาจาก "สมเด็จย่า" ที่ทรงทำเองแล้วให้ท่านผู้หญิงมาถวายแม่ชีเมี้ยนใส่นั่นเอง
นับจากนั้นมา ลูกศิษย์ถ้ำกระบอก ก็จะแขวนรูปแม่ชีเมี้ยน ที่ทรงใส่จีวรซิปข้างนั้นไว้
หากแต่เมื่อแม่ชีเมี้ยน และหลวงพ่อนิพนธ์ ได้ไปขึ้นศาล ก็ยกฟ้อง ด้วยเหตุที่จีวรที่แม่ชีเมี้ยนทรงใส่ นั้นเป็นแบบมีซิปด้านข้าง ไม่เข้าข่ายจีวรพระ
ตอนจบของเรื่อง เพื่อรักษาหน้า จึงเหลือการฟ้องต่อแม่ชีเมี้ยน เฉพาะข้อหา "แต่งกายเลียนแบบสงฆ์" ที่ศาลสระบุรีเท่านั้น
จนท้ายที่สุด เรื่องก็จบลงด้วยดี ด้วยความร้อนรน ของคุณหญิงจงจินต์ ที่ต้องรอลูกชาย ในการนำคำสั่งยกเลิก จากชลบุรีมายังกรุงเทพ หลังจากมีคำสั่งให้ยิงเป้า แล้วนั้น
หากจะย้อนกลับไปวันวาน คนที่ไปถ้ำกระบอก และอยู่ในเหตุการณ์ที่ แม่ชีเมี้ยนและคณะสงฆ์ ถูกจอมพลสฤษด์ ดำเนินคดี ข้อหา อุตริมนุษย์ธรรม และมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์
การใช้ชื่่อนี้ ก็เพื่อสืบสานปณิธานที่ให้การสนับสนุนของสมเด็จย่า ที่มีต่อถ้ำกระบอก
เหตุผลหนื่งที่เราคิดว่า หลวงพ่อนิพนธ์ขอใช้ชื่อดังกล่าว ก็สืบเนื่องมาจาก ความสัมพันธ์ในครั้งอดีต ของสมเด็จย่าและแม่ชีเมี้ยนแห่งถ้ำกระบอกนั้นเอง
และก็ได้รับพระบรมราชานุญาต