อุปสรรคใหญ่ของการรักษาโรค ด้วยหลักแม่ชีเมี้ยน ไม่ใช่โรคที่เป็น ไม่ใช่สถานะความหนักเบาที่เกิด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาระสำคัญ ที่ต้องกังวลมากมาย
หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า "นิสัย" ของเราท่านต่างหาก ที่เป็นอุปสรรคใหญ่ ในการเดินแนวทางนี้
ท่านจึงกล่าวว่า เมื่อแม่ชีเมี้ยนสอนวิชาสมุนไพร และให้สาบานว่า จะใช้เพื่อหาบุญ "คือทำให้"
ความปรารถนา ที่จะช่วยมนุษย์ให้มากมายเท่าที่กำลังมี พุ่งขึ้นมาเป็นประกายเจิดจรัส แต่ก็ดับไปด้วยคำกล่าวของแม่ชีเมี้ยน ที่ให้เป็นสติเพื่อไม่ให้ท้อแท้ เสียใจ ในภายหลัง
มนุษย์มีกรรม จึงมีนิสัยกรรม มีทิฐิ ตัณหา มานะชั่ว เพื่อให้เดินตกอยู่ในร่องกรรมตลอดเวลา ดังนั้น การทำสมุนไพร ไม่ใช่ปัญหาหลัก ปัญหาที่สำคัญก็คือ "การพูด"
ท่านจึงต้องใช้เหตุและผล ภูมิปัญญาของพระพุทธเจ้า เพื่อโน้มน้าวคน ให้มาเชื่อในสิ่งที่ไม่เคยมาก่อน เพราะมนุษย์มีหลายจำพวก ล้วนแล้วแต่คิดว่า ตัวเองมีดีกันทั้งนั้น มีฐานะดี มีความรู้ดี มีอาจารย์ดี มีเกจิดี มีวิชาดี สารพัด สารพัน
ก็แล้วแต่ว่า จะทำอย่างไรที่จะชี้ให้เขาเหล่านั้นเห็นว่า ปัญญาที่เขามีอยู่ สิ่งที่เขามีอยู่ เป็นปัญญาของโลก เป็นสิ่งที่เขาเหล่านั้น สร้างขึ้น ทำขึ้น อันมีรากเง้าจาก "กรรม" "ใช้แก้กรรมไม่ได้"
จึงมีความจำเป็น ที่จะต้องใช้ปัญญา ของผู้ที่ชนะกรรมได้ หรือ ผู้มีปัญญาเหนือโลก นั่นคือ พระพุทธเจ้า
จึงควรทำใจไว้ว่า ผู้ที่จะเชื่อและทำตาม ไม่ใช่ทุกคน เขาเหล่านั้น มาลองและไม่ได้ดั่งใจ ดั่งนิสัย เขาก็ทิ้ง
บุคคลใด ที่มาสัมผัส แล้วฟัง เชื่อและศรัทธา ที่จะมาเดินตาม ลูกก็จะได้เห็นบุคคลนั้น หายจากโรค สมใจ
ให้พึงนำคนเหล่านั้น มาเป็นน้ำทิพย์ ชโลมหัวใจ แม้พูดให้คนพันฟัง มีคนสิบทำได้ ก็ให้ดูที่คนสิบนั้น และวางคนที่ทิ้งไปเสีย
ด้วยน้ำทิพย์ ที่มาเดิน และทำตาม ให้หลวงพ่อนิพนธ์ ได้เห็น กระมัง เราจึงยังได้ฟังเรื่องราว เหตุและผล ของพระพุทธเจ้า ที่แม่ชีเมี้ยนถ่ายทอดมาให้ เพื่อคนรุ่นต่อไป ได้พิจารณาแล้วเดินตาม อย่างไม่รู้เบื่อ อันเป็นการก่อความเชื่อ ศรัทธา เพื่อใช้สู้ความคิด นิสัยเดิมของตนเอง รุ่นแล้ว รุ่นเล่า
ภาพที่ปรากฎ จะเป็นบทพิสูจน์ ว่าเราท่านอยู่ข้างไหน ผลสุดท้ายจะเป็นเช่นไร
อาการปวด ทรมาน ปรากฎ มาพร้อมอารมณ์โกรธ และความคิดถึงยาแก้ปวด คิดถึงหมอ ดุจดั่งอยู่ในกองไฟประลัยกัลป์
หรือ อาการปวด ทรมาน ปรากฎ มาพร้อมกับความสงบ ด้วยเหตุและผลที่ได้ยิน ได้ฟัง พร้อมกับสติที่พึงเกิด "กรรมเราทำมา เมื่อใช้ย่อมมีวันหมด"
ถ้าไม่มีกรรม จะมีโรคได้อย่างไร โรคมันจะอยู่กับเราได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้
เมื่อประตูนรกเปิด ให้เราท่านเดิน ถ้าเรามีสมาธิ มีสติ มีเหตุ มีผล เราจะไม่ร้อนรน แลมองเห็นประตูสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ ทางที่จะเดินไปประตูสวรรค์ บังเอิญมีเส้นทางเดียว อาศัย ซึ่ง ความเชื่อ และศรัทธา พาตนเองไป มองดีดี ทางนั้นเป็นร่องรอยของความเมตตา ที่พระพุทธเจ้าท่านทิ้งไว้ให้เราท่านนั่นเอง
ทางเส้นนั้น หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า "เวลาเดิน ให้หลับตา แล้วใช้ปัญญาของพระพุทธเจ้าเป็นสติ นำทาง จูงเราไป แล้วจะปลอดภัย หากขาดความเชื่อมั่น และศรัทธา เมื่อไร เราจะถูกเสียงรอบข้าง กระตุ้นให้ลืมตาขึ้นมา ภาพของนรกที่เห็น จะทำให้เราปล่อยมือจากสติ ทางเส้นนั้นจะหายไป เดินสักเท่าไร ก็ไม่ถึงประตูสวรรค์"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น