หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้ามักสอนเป็นปฐมบท คือ ความเมตตา นั่นเอง
เหตุเนื่องจาก การเมตตาต้องเริ่มจากตัวของเราท่านเองก่อน ดังนั้นคนมากมาย ที่มักบอกว่าเขามีความเมตตา ต่อผู้อื่น ต่อสรรพสัตว์ อย่างล้นเหลือ แต่กลับพบโรคภัย ทุกขเวทนา ก็ด้วยขาดความรู้นี้เอง
เพราะการกระทำของเรา วิญญาณเราต้องรับผิดชอบ การที่เมตตาคนอื่น แต่ขาดเมตตาในตน ทำให้วิญญาณตนต้องรับทุกขเวทนา ผลของการเมตตาผู้อื่น จึงไร้ค่า ช่วยตนของเราไม่ได้เลย
ดังนั้น แม่ชีเมี้ยนจึงกล่าวว่า พระพุทธเจ้าจึงสอนสาวก ให้เมตตาตัวเองก่อน พัฒนาวิญญาณและร่างกายของตนก่อน เมื่อทำได้ จนผลปรากฎ ก็จะเข้าใจวิธีการได้อย่างถูกต้อง เพราะได้เรียนรู้และสัมผัสด้วยตนเอง
ดังนั้น วิทยากรที่มาให้ความรู้ หลวงพ่อนิพนธ์ จึงต้องจัดผู้ที่ผ่านประสพการณ์มาแล้ว มีความเข้าใจ และประสพผลในการทำมาแล้ว นั่นเอง
การที่คนไข้ สอบถามด้วยกันเอง ตอบเอง ตามเหตุผลของตน จึงเป็นเรื่องที่อาจจะเสี่ยง เพราะคำตอบที่ให้นั้น อาจจะถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ในสาระที่ให้ไปนั้น หมายถึงชีวิต ดังนั้น หากบอกผิด ก็เท่ากับเป็นการทำลายชีวิตนั้นไปเสียโดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นได้
การทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า เป็นธรรมขันธ์หนึ่งของพระพุทธเจ้า มีไว้เพื่อให้ใช้เมตตาตัวเองก่อน เมื่อประสพผล ก็นำสิ่งที่ได้เรียนรู้ ไปเมตตาผู้อื่นต่อไป การกระทำที่ได้ ก็จะปลอดภัยทั้งผู้บอก และผู้รับฟังไปปฏิบัติ เพราะผู้บอก ได้ทำแล้ว ผลก็ออกมาแล้ว ว่าถูก นั่นเอง
แลผลของการเมตตาตนเอง หันมาใช้แนวทางสมุนไพร ก็ใช่แต่เพียงช่วยตนเท่านั้น ยังสามารถช่วยครอบครัว ช่วยประเทศชาติ ไม่ต้องเสียงบประมาณไปกับยาเคมี ที่ไม่ช่วย แต่ทำลายชีวิต เหลือเป็นงบประมาณพัฒนาประเทศได้
คิดเล่นๆ แค่ลำพัง ท่าน อ.อร่าม คนเดียว เคยเบิกเงินค่ายาเดือนละสองหมื่นกว่าบาท ตอนนี้หยุดเบิกมาสิบปีแล้ว มหาวิทยาลัยประหยัดไปเท่าไร ถ้ามีข้าราชการมาเดินตามแนวนี้ มากๆ เข้า ก็แทบจะบอกได้ว่า มีเงินพอไปใช้ซื้อแท็ปเล็ตให้เด็กได้อย่างสบาย
และเราคิดว่า คนที่เชื่อในแม่ชีเมี้ยน ทำตามธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เมตตาตนเอง และผู้อื่น ก็น่าจะเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากคนดี ถ้ามีมากๆ ขึ้น ประเทศเราจะเป็นอย่างไร ....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น