หลายปีที่ผ่านมา คนก็ผ่านมาผ่านไปในชมรมคนรักสุขภาพแห่งนี้ ก็เป็นดังเช่นที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวอยู่บ่อยๆ แทบจะไม่มีโรคอะไรที่ไม่เคยผ่าน
บทพิสูจน์ของสมุนไพร อยู่ที่ความสำเร็จของคนไข้ ที่มาเรียนรู้และทำตน ตามคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ เราจึงอยากยกตัวอย่างของคนที่เป็นโรคต่างๆ ที่เราพบเห็น และยังมีชีวิตมาจนปัจจุบัน ที่สำคัญ ยังเดิน หรือวนเวียนในสถานที่นี้อยู่
ท่านแรก คือครูแอ๋ว ผู้ซึ่งหอบลูกน้อยที่ยังกินนมอยู่ มาพร้อมสามี เพื่อขอรับการรักษามะเร็ง ขั้นสุดท้าย นับตั้งแต่หลวงพ่อนิพนธ์กลับมาเปิดสำนักอีกครั้ง ณ วันนี้ ลูกสาวของเขาเรียนจบ และแต่งงานไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ โดยยังมีแม่เป็นเจ้าภาพอยู่
ท่านต่อมา คือ คุณราชัน ที่เป็นเนื้องอกในสมอง รักษาจนสุดท้ายหมอบอกว่า ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ถ้าผ่าตัด แล้วรอด ก็เป็นเจ้าชายนิทรา ปัจจุบันเป็นหัวหน้าห้องยา พร้อมกับการดำรงอยู่ที่ปกติ ไม่ต้องผ่าตัด รอวันที่ก้อนมะเร็งฝ่อจนหมดไป
ท่านต่อมา คือ เฮียแว่น ผู้ซึ่งเป็นโรคกล้ามเนื้อแก่เร็วกว่าปกติ ผลคือ แม้สมองยังมีความสามารถสั่งการ แต่กล้ามเนื้ออ่อนแอลง เหมือนคนสูงวัยอย่างรวดเร็ว
ท่านต่อมา คือ ฟรังโก้ เป็นโรคที่ตรงข้ามกับเฮียแว่น คือ กล้ามเนื้อแข็งแรง แต่สมองการสั่งการ แก่เร็วกว่าปกติ มีอาการคล้ายกับเฮียแว่น
ท่านต่อมา คือ ท่านจันทร์ เป็นลูกเรือจับปลา ไปติดเชื้อ เอดส์มาจากอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นเชื้อที่ต่างจากเอดส์ธรรมดา คือ มีพิษด้วย ทำให้ร่างกายมีลักษณะคล้ายถูกไฟคลอก
ท่านต่อมา คือ หลิว เม่ย หลิง สาวชาวสิงค์โปร์ ผู้ซึ่งเป็นโรคข้อ ใช้เสตียรอยด์ ตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ จนย่างเข้าสามสิบห้า เสตียรอยด์ก็ไม่สามารถช่วยได้ ทำให้ทุกข้อของร่างกาย มีน้ำเหลือเน่าเฟะ ออกมา
ท่านต่อมา คือผู้หญิงชาวมาเลเซีย ไม่ทราบชื่อ เป็นเบาหวาน จนหมอสั่งตัด นิ้วหัวแม่เท้า และมีอาการลุกลาม แผลเน่า จนเห็นกระดูก จนต้องหนีหมอที่สั่งตัดเท้า มาหาหลวงพ่อนิพนธ์ จากคำแนะนำของเพื่อน
ท่านต่อมา คือ คุณลุง ที่เราท่านมักจะเห็นในวันพฤหัส ในห้องหลวงพ่อนิพนธ์ ผู้ซึ่งเป็นพาร์กินสัน จนไม่สามารถแม้กระทั่งทานข้าวได้ด้วยตัวเอง
ท่านต่อมา คือ คุณศักดิ์ เพื่อนคุณพิศาล ที่สมองไหม้ ด้วยพิษมาเลเรีย จากการไปหาสถานที่ถ่ายทำ จนหมดสติ ขับรถชนสะพานพุทธ และสิ้นใจ หมอศิริราชได้ทำเรื่องมรณะ พาเข้าห้องเย็นแล้ว เมื่อ ผ.อ.ศิริราช ที่เป็นเพื่อนทราบเรื่อง ผู้ซึ่งเป็นหมอหัวใจ อันดับหนึ่งของประเทศ ก็ทำการกระตุ้นหัวใจ จนฟื้นมาอีกครั้ง แต่ก็ช่วยตัวเองไม่ได้
ท่านต่อมา คือ คุณธานินทร์ ผู้ซึ่งคุณพิศาล ไปนำตัวมาจากเตียงผ่าตัด ด้วยอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ 4 เส้น
ท่านต่อมา คือ เพื่อนคุณปรียานุช ผู้ซึ่งเป็นเก๊าต์ มาหลายสิบปี
คนเหล่านี้ เราท่าน ยังสามารถพบเห็นได้ที่ชมรมคนรักสุขภาพ เป็นหน้าประวัติศาสตร์ ให้เราได้ดู ได้ศึกษา
บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักกล่าวทุกครั้ง คือ ไม่มีมนุษย์ หรือ วิทยาการใด เจ้าพ่อ เจ้าแม่ จะมาเหนือธรรมชาติ ผู้สร้างมนุษย์ขึ้นมาได้เลย ไม่มีหมอใด หรือ เครื่องมือใด จะวินิจฉัย และแก้ไข สิ่งที่เราท่านเป็น ได้ดีกว่า ตัวของเราท่านเอง
สมมุตฐานของโรค ตามหลัก การใช้สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน คือ กรรม
หลวงพ่อนิพนธ์จึงเน้นย้ำว่า ท่านจะมาทานสมุนไพร โดยไม่เปลี่ยนนิสัย พฤติกรรมใดๆ เลย ย่อมไม่มีทางที่จะประสพผลสำเร็จ
คำที่เราท่านควรนำไปคิด ว่า คนที่กล่าวอ้างข้างต้น เขาสำเร็จได้โดยวิธีใด คือ คำกล่าวของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ว่า "ท่านเป็นโรคใด เราก็ไม่กลัว สิ่งที่เรากลัว คือ นิสัยท่าน"
ดังนั้น สิ่งที่เราควรเรียนรู้ว่า คนที่ประสพผล จึงเป็นผู้ที่มีคำตอบกับตนเองว่า "เมื่อได้กำลังกลับคืนมา เขาควรที่จะนำกำลังนั้น ไปเพื่อใช้ในทางใด"
หลวงพ่อนิพนธ์ มักพูดเล่นๆ ว่า เราไม่กลัวว่าใครจะมาหลอกทานสมุนไพรของเราหรอก เพราะสมุนไพรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขามีวิญญาณ รับรู้ได้ ดังนั้น ถ้ามือปืนเป็นอัมพฤกต์มาทานสมุนไพร แล้วกลับตัวเป็นคนดีได้ เขาก็จะประสพผล แต่ถ้ามาทานแล้ว ให้มีกำลัง เพื่อที่จะกลับไปจับปืนยิงคนอีก มันคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ฉันใดก็ฉันนั้น ไม่ว่าเราท่านจะว่าอย่างไร แต่บทพิสูจน์มันชี้ให้เห็นว่า "สิ่งที่เราท่านทำในอดีตมันผิด ผลผิดจึงสนอง เมื่อมีกำลังแล้วจะกลับไปทำเหมือนเดิมอีก มันจะเป็นไปได้หรือ"
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่โง่ให้เราท่านหลอกใช้
ลองไปตรองดู ชอบไม่ชอบ แล้วเลือกทางเดินเอง จะได้ไม่มาเสียเวลา และเสียใจภายหลัง