ภาพที่เราท่านมักเห็น ไม่ว่าจากอดีตถึงปัจจุบัน อันแสดงถึงความอยากช่วยเหลือของคนไทย ดูแล้วก็น่าภูมิใจดีใจ นั่นคือ การบริจาค
ประกาศช่วยหมีแพนด้า คนไทยจัดไป ยี่สิบล้าน ประกาศช่วยหมาจรจัดพิการ คนไทยจัดไป ประกาศช่วยคนประสพภัย คนไทยจัดไปจนเมื่อครั้งสึนามิใหญ่ ได้รับคำชมจากทั่วโลก นั่นก็เป็นเครื่องยืนยันในน้ำใจของคนไทยได้เป็นอย่างดี
แต่เราก็แปลกใจ กับการกระทำของคนไทยที่มูลนิธิไทยกรุณา ที่ซึ่งไม่เคยได้รับการเหลียวแลจากภาครัฐ แม้นจะต้องแบกภาระในการช่วยคน ... มานานสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นเรื่องไม่สำคัญ ที่สำคัญกว่าก็คือ คนที่มารับสมุนไพรนั่นเอง
การจะผลักภาระทั้งหมดทั้งมวลไปให้ท่านอาสิ หรือเหล่ากรรมการ หรือ จิตอาสาทั้งหมดทั้งมวล ก็คงเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก นั่นหมายความว่า สิ่งใดที่ไม่เหนือบ่ากว่าแรง หากทุกคนสามารถทำได้ ก็ควรสามัคคีร่วมกันทำ มะกรูดนิด มะพร้าวหน่อย พริกไทยสักขีด ที่พอจะช่วยกัน ก็คงไม่เกินกำลัง ส่วนที่ไม่มีตามท้องตลาด หายาก ก็ให้เป็นหน้าที่ของท่านอาสิ และกรรมการ จัดหามา มูลนิธิก็คงดำเนินไปได้
ทั้งนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ชี้ว่า ผู้อื่นเขาไม่ได้มาพึ่ง ไม่ทำไม่ว่ากัน พวกเราที่มาพึ่ง ก็ร่วมด้วยช่วยกัน คนละนิด ไม่ว่าแรงหรือสมุนไพรที่พอหาได้ น้ำคนละหยด รวมกันก็เป็นกระป๋องพอแจกจ่ายกันกิน ช่วยทุกคนได้นั่นเอง
แต่ไม่น่าเชื่อว่า หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเดินผ่านโรงกระโจม ที่ซึ่งใช้วัตถุดิบที่มีทั่วไป เพียง ๔ อย่าง หาได้ไม่ยาก แต่กลับได้ยินเจ้าหน้าที่กระโจมบ่นทุกสัปดาห์ ว่า วัตถุดิบขาด ถามว่าอะไรหรือ คำตอบคือ "ผักบุ้ง" และยิ่งไปกว่านั้น ขาดเฉพาะวันพฤหัส ส่วนวันอาทิตย์ไม่เคยขาด พูดภาษาวัยรุ่นวันนี้ ก็ต้องบอก "โอ้แม่เจ้า"
คนพันคนที่มาใช้บริการ แทนที่จะได้ผลเลิศจากการเข้ากระโจม แต่เมื่อหาคนสนใจ หรือ เสียสละ เก็บผักบุ้งมาไม่มี กลายเป็นการเข้ากระโจม ที่เสียเปล่าไปซะงั้น จากร้อยเหลือสิบ .... ที่น่ารันทดคือ สิ่งที่ขาด เดินไปไหนก็กลาดเกลื่อน เต็มท้องทุ่งท้องนา
ภาพนี้ก็ส่งสัญญาณเตือนแล้วว่า อนาคตของมูลนิธิไทยกรุณา จะเป็นเช่นไร
ศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา สอนให้สร้างสุขแก่ผู้อื่น ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกัน แต่ดูแล้ว สัดส่วนของพระเวสสันดรกับชูชก มันไม่สมดุลย์กันเลย
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ให้เห็นเสมอ หากคนส่วนใหญ่เอาแต่ตน เอาแต่ได้ ที่นี่ก็ต้องสูญสลายไป ... เพราะไม่คิดกันว่า เป็นบ้านตน ไม่สน ไม่มอง ไม่ช่วย มาเอาเพียงถ่ายเดียว คนที่แบก จิตอาสาที่ทำ จะแบกกันไปได้สักกี่น้ำ ไม่มีเราท่าน ท่านอาสิก็คงไม่เป็นไร ทำสมุนไพรแจกเฉพาะคนใกล้ชิดก็พอ แต่ไม่มีมูลนิธิ อะไรจะเกิดแก่เราท่าน
สำหรับเรา ภาพที่เห็นทุกสัปดาห์ ตอนมา เปิดไฟ เปิดพัดลม เปิดน้ำ ทำเองได้ทุกอย่าง แต่ตอนกลับ ไม่เหลียวสักนิด มันปิดหรือยัง เดินตัวปลิวกลับบ้าน ... หากน้ำหนักชูชกมันมากเข้า ... เราเตือนด้วยความหวังดี วันหนึ่งอาจเห็นป้ายแขวน "ปิด" ถึงวันนั้นแล้วจะหนาว ดิ้นไปที่ใดก็เจอแต่พ่อค้า ค้าชีวิต ทั้งๆที่ช่วยไม่ได้ เสียเงินก็พอว่า ชีวิตก็เสียด้วยนี่สิ ถึงตอนนั้น จะร้องเรียกหา เจออุเบกขา อยากหาย "บวชสถานเดียว" เหมือนถ้ำกระบอก ตนก็ทำไม่ได้ เห็นทางรอดแค่เอื้อม แต่เอื้อมไม่ถึง เห็นคนรัก จากไปทั้งๆที่มีทางช่วย
นี่แลเข้าตำรา "เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย"