ได้พบเห็นกระทู้ในพันทิป กล่าวถึงการบำบัดยาเสพของถ้ำกระบอก ในท่วงทำนองที่ว่า ไม่ใช่การรักษาหรือบำบัดที่แท้จริง เป็นเพียงกุศโลบายอย่างหนึ่ง แล้วใช้กระบวนการเหมือนหักดิบแบบทั่วไป
ฟังแล้วน่าใจหาย และรู้สึกเสียดาย ในสิ่งดีงามที่แม่ชีเมี้ยนนำมาให้ยิ่งนัก
ก็ไม่ว่ากัน เพราะคนที่รู้เรื่องราวถ้ำกระบอกในวันนี้ เรียกว่าน้อยกว่าน้อย น่าจะไม่ถึงสิบคน พระรุ่นแรกที่ทันสมัยของแม่ชีเมี้ยน และเข้าถึง เท่าที่เราเห็น ก็คงจะเหลือแต่ ท่านเส่่ย เพียงคนเดียว
หลายคนที่มามูลนิธิไทยกรุณา ก็อาจจะยิ่งสงสัย หรือแม้นแต่คนทั่วไป ก็ยิ่งยิ่ง.. น่าสงสัยไปอีก ว่าทำไมจากถ้ำกระบอก ที่มีจุดเริ่มต้นจากการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด กลายมาเป็นเปิดให้เป็นทางเลือก ในการฟื้นฟูสุขภาพจากทุกโรคได้
หลวงพ่อนิพนธ์เล่าความเป็นมา จุดเริ่ม ก็นับตั้งแต่ในยุคแรกๆของถ้ำกระบอก ที่เปิดรับบำบัดยาเสพติด แม้นแต่พระเองก็ไม่รู้ว่า สมุนไพรที่เรียกกันว่า "ยาตัดราก" ที่เห็นกันในสื่อทานแล้วอาเจียรนั้น มีสรรพคุณอะไรบ้าง รู้แต่ว่าช่วยบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด คือ ถอนพิษยาออกจากร่างกายได้เฉียบขาด เท่านั้นเอง
จวบจนวันหนึ่ง มีชายชาวจีนคนหนึ่ง เดินทางมาถ้ำกระบอก แล้วบอกกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ขอทาน "ยาตัดราก" หลวงพ่อนิพนธ์ ก็ถามว่า ติดยามาหรือ ก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ติดยา ไม่เคยเสพ หากแต่ตนเป็นโรค เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง แต่เพื่อนนั้นนอกจากเป็นโรคแล้วยังติดยาเสพติดด้วย แล้วก็มาเลิกยาที่ถ้ำกระบอก
เพื่อนเขาบอกว่า หลังจากทานยาแล้ว มิเพียงหายจากการติดยา โรคของตนที่เป็นยังหายไปด้วย เขาจึงเดินทางมาเพื่อขอทานบ้าง แต่หลวงพ่อนิพนธ์ก็บอกว่า ที่นี้รับแต่ผู้ป่วยยาเสพติด ไม่รับคนไข้อื่น ไม่รับรักษาโรคใดๆ โยมกลับไปเถิด
ผ่านไปไม่ถึงเดือน ชายผู้นี้กลับมาอีก แล้วบอกกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ผมขอทานยาครับ ตอนนี้ผมติดยาเสพติดแล้วครับ ถามว่าเพราะอะไร เขาบอกว่า เขาอยากทานยา จึงไปหัดเสพยา ว่าแล้วก็ทำท่า วิธีการเสพยาให้ดู
หลวงพ่อนิพนธ์และพระ จึงจำต้องรับไว้บำบัด แล้วก็สมใจชายผู้นั้น เพราะหลังการบำบัด เขาก็หายจากโรคนั้นสมใจ
จากจุดเริ่มนี้เอง ทำให้พระได้รู้ว่า สรรพคุณของ "ยาตัดราก" มิเพียงแต่ช่วยบำบัด ยังมีสรรพคุณในการรักษาโรคได้ด้วย นับแต่นั้นมา จึงถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยจากโรคต่างๆ
แต่กระบวนก็ไม่เหมือนกับในสมัยนี้ของมูลนิธิ การจะรับรักษาโรคในยุคนั้น มิใช่รับทุกคนก็หาไม่ ต้องรับสัจจะปฏิบัติ ทำนองเดียวกับผู้เสพยา และสร้างตัวกระทำ คุณสมบัติ ตามที่พระกำหนด เมื่อพระมีมติเห็นพ้อง ว่ามีคุณสมบัติแล้ว จึงให้ทาน
และก็ยิ่งเป็นที่โจษจันในยุคนั้นมากไปอีก เพราะไม่ว่าโรคจะหนักหนาสักเพียงใด เมื่อมีคุณสมบัติ ทานยาตัดรากเพียง ๕ แก้ว เหมือนคนเสพยา ก็สามารถคลี่คลายโรคลงได้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า การฟื้นฟูสุขภาพ หรือ หายโรค จึงไม่ใช่เรื่องยาก ผู้ใดสร้างคุณสมบัติ ตามที่ศาสนากำหนดได้ ก็หายโรคได้ หากนั่นมิใช่พรหมลิขิต ที่หมดอายุขัย
เราจึงเสียดาย หลังจากการลาสังขารของแม่ชีเมี้ยน คุณสมบัติของยาสมุนไพรถ้ำกระบอกก็ถดถอย เหลือแต่ช่วยในการบำบัดยาเสพติด และก็ลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ จนทุกวันนี้ ก็แทบหวังผลอะไรไม่ได้
จนกลายเป็นว่า ผู้ที่จะไปบำบัดวันนี้ ของถ้ำกระบอก ต้องไม่เป็นโรค จึงจะรับ
ดั่งที่ท่านอาสิ ชี้เสมอ สมุนไพรสูตรพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เป็นของพระพุทธเจ้า มีบัญญํติ มีวิญญาณ รับรู้คนทำ รับรู้คนทาน ต้องอาศัยคุณสมบัติของทั้งสองส่วน จึงจะประสพผล
เราจึงสงสัยนัก ที่หลายคน มีโอกาสมาพบพาน อยากได้ แต่ไม่อยากทำ .... ความปรารถนา ก็เป็นได้แค่เพียง ความฝันที่ไม่อาจเป็นจริง หรือแม้นเป็นจริง ก็ไม่ยั่งยืน .... ทั้งนี้เพราะ เหตุที่มา คือ กรรม เมื่อยังสร้างกรรม ยังมีนิสัยเดิม ไม่ยอมเปลี่ยน จึงต้องตกในวงจร "หนีเสือ ปะจรเข้" ท้ายสุด ก็ช่วยตนไม่พ้น การมาก็เสียเปล่า
ถ้ำกระบอกก็ล่มสลายไปเสียแล้ว เสียดายสรรพคุณที่สร้างมาในกาลก่อน เฉกเช่นกัน ถึงวันนี้ สรรพคุณสมุนไพรที่แม่ชีเมี้ยนให้หลวงพ่อนิพนธ์ จะดีสักฉันใด แต่ผู้ทาน ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สร้างคุณสมบัติ ก็ย่อมทำลายสรรพคุณของสมุนไพรลงสิ้น เฉกเช่นถ้ำกระบอก ทานไปอย่างดีก็แค่ประทังเท่านั้นเอง
นี่แหละเรียกมีวิญญาณ "ใครทำได้ คนนั้นรอด" หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอ มาร้อย ฟัง แล้วเชื่อเรา ทำตามร้อย ก็หายร้อย ทำตามเพียงหนึ่ง ก็มีเพียงหนึ่งที่หายโรค