ศาสตร์สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา นั้นวิเศษนัก ทำให้เราได้เห็นว่า คนที่เป็นโรคที่หมดหนทางใดทางโลกที่จะช่วยแล้ว หากผู้ใดได้ฟัง พิจารณา เชื่อแล้วทำตาม ผู้นั้นสามารถทำในสิ่งที่คนทั้งโลกทำให้ตนไม่ได้ ด้วยวิธีการ "ตนพึ่งตน"
เราจึงได้เห็นท่านตองที่เป็นมะเร็งสมอง ทั้งห้าพี่น้อง ทุกคนตายหมด ท่านตองเป็นคนกลาง เริ่มมีอาการรุนแรงก็ประมาณอายุสี่สิบกว่าๆ ก็ช่วยตนจนหาย อยู่จนเป็นราษฎรอาวุโสแห่งบ้านเขาค้อ แลเพิ่งจะเสียไปไม่นาน อายุก็แปดสิบกว่าๆ
เราได้เห็นคนหนุ่มที่ไปโดดสะพานเพื่อฆ่าตัวตาย เมื่อรู้ว่าตนเป็นเอดส์หมดทางรักษา แล้วกลับมาแข็งแรง แต่งง่านมีลูกสาวที่น่ารัก ตอนนี้ก็เข้าสู่วัยรุ่น แข็งแรง ไม่มีเชื้อ
แต่ศาสตร์ที่วิเศษนี้ ที่แสดงความเฉียบขาดในสม้ยของหลวงพ่อนิพนธ์ โดยเฉพาะช่วงปี ๓๐ ที่คนป่วยที่หมอทิ้ง ล้วนแล้วแต่หลั่งไหลมา คนที่เชื่อ ก็ปฏิบัติ บวชบ้าง มาทำตนตามหลวงพ่อนิพนธ์ชี้บ้าง ไม่ว่า โปลีโอที่บอกขาลีบ เดินธุดงค์จนน่องโป่ง กลับมามีกล้ามเนื้อได้ ไม่ว่าลมชัก ที่เดินธุดงค์ไป ชักไป กลับไปเป็น ปลัด อบต ได้ ก็มีให้เห็นมาแล้ว
มาทุกวันนี้ คนป่วยก็ยังมากมี แต่ล้วนแล้วแต่ตึ๊งหนืด หายยาก หายเย็นก้นเหลือเกิน วิเคราะห์ดูแล้ว หาใช่ด้วยความด้อยของศาสตร์ลงไปไม่ แต่เพราะคนยุคนี้ จะเอาแต่สมุนไพร ไม่เอาตัวปฏิบัตินั่นเอง
ศาสตร์ในวันนี้ ก็เลยกลายเป็นว่า ท่านอาสิตบมืออยู่ฝ่ายเดียว จะพูดจะสอนให้ปฏิบัติ แม้นจะผ่อนอ่อนโอน ไม่ต้องบวช ขอแค่เอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนาสักหน่อย ใช้หลักตนพึ่งตนให้มาก กอบกู้ชีวิต ด้วยมือตน ก็ยังไม่อยากจะทำ ไม่ยอมที่จะยื่นมือมาตบ ให้สอดคล้องกัน จะได้เกิดเสียง เกิดผล
๗ เราก็ไม่แปลกใจ ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์ก่อนลาสังขาร จึงกล่าวว่า ที่มูลนิธิ ก็คงหวังผลอะไรไม่ได้ แต่หากใครเชื่อท่าน มาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ในแผ่นดินของแม่ชีเมี้ยนที่ลพบุรีแล้วไซร้ การทานสมุนไพร ก็จะบรรลุผลได้โดยง่าย หวังผลได้ เพราะคนผู้นั้นจะรู้ว่า ผลจะพึงเกิด เมื่อทั้งผู้ทำและผู้ทาน มีจังหวะสอดคล้องประสานกัน ยื่นมือไปตบ เสียงจึงเกิด ผลที่ตนปรารถนา ก็เป็นจริงได้
บทสรุป ทุกวันนี้ คนที่ทานแต่สมุนไพร เสมือนคนมีอาวุธดี ชนะโรคได้อย่างง่ายดาย เสียแต่ว่า ไม่ยอมจักเรียนวิธีใช้ อาวุธจะเลอเลิศสักฉันใด ก็กลายเป็นสากกะเบือทื่อ อย่างดีก็ใช้ได้แค่ปาหัว หากฟลุ๊คก็อาจจะพ้นโรคได้ แต่ก็ชั่วคราว เพราะตีงู แต่ไม่ยอมตีให้ตาย ฟื้นมา ก็มาแว้งกัดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
จุดประสงค์ของศาสตร์ ย่อมต้องส่งคนให้ถึงที่ปลอดภัย ทั้ง โรคภัย และอุบัติภัย การจะไปถึงจุดนั้นได้ ก็ต้องอาศัยคุณสมบัติ เปลี่ยนตนเป็นคนดี แล้วคนดีที่ว่า เป็นอย่างไร ทำอย่างไร จะไปกันอย่างไรหนอ หากไม่เรียนรู้ แล้วปฏิบัติ ไม่เคยคิดแม้นแต่สักน้อยว่าจะไปสัมผัส แผ่นดินของแม่ชีเมี้ยนเพื่อเรียนรู้ จะเอาแต่สมุนไพรหายโรคแต่ประการเดียว
ก็เปรียบกันดู ว่ามะเร็งที่สำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีเมี้ยนกรุณา ที่หมอทิ้ง กับมะเร็งที่มูลนิธิไทยกรุณา เมื่อวันเวลาผ่านไป คนไหนที่รอดแน่ๆ
คนกำลังจะจมนั้น ท่านอาสิยื่นมือไปช่วย คนที่จมมิเพียงไม่ยื่นมือมาจับ แถมยังปัดป้อง .... คนช่วยจะช่วยได้หรือ นอกจากฟลุ๊คจริงๆ เท่านั้นแล นี่แลจึงเรียกหวังผลไม่ได้