วันจันทร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ได้แค่คิด

คนจำนวนมาก มักกล่าวอ้างเสมอว่า "ขอเพียงมีความคิดดี ก็พอแล้ว"

หากแต่สิ่งที่คนทั้งหลายต้องการ นั่นคือ ผล

หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชอบยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟังซ้ำๆว่า เสมือนหนึ่งเราหิวข้าว จะใช้เพียงจิต ไม่ว่าจะทำสักฉันใด ก็ไม่มีทางหายหิว ไม่มีทางสมปรารถนา หากแต่ต้องพากาย ไปหยิบหม้อ ซาวข้าว ตั้งไฟ แล้วก็รอได้เลยว่า อีกไม่นาน ก็จักมีข้าวกิน ปรารถนาของตนย่อมสมใจเป็นแน่แท้ คือ หายหิว

ฉันใดก็ฉันนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงอุปมาเปรียบเทียบให้ฟังว่า ธรรมของพระพุทธเจ้ามีมากมาย จะพึงเรียนรู้ และจดจำมากสักฉันใด ก็ไม่สามารถช่วยตนของตนได้ หากไม่ลงมือทำ

การรู้ธรรมมาก จึงมิใช่ความจำเป็นเร่งด่วน หากแต่การลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ ตามที่ตนรู้ แม้นแต่เพียงน้อยนิด นั่นแลช่วยตนได้

แลศาสนาสอนให้เราท่านเป็นปราชญ์ ย่อมมุ่งเน้นในสิ่งที่พอทำได้ เพื่อให้ผลเกิด หาใช่มุ่งแต่จะอยากได้ผลมาก หากแต่สิ่งนั้นตนยังไม่พร้อมที่จะทำ หรือ ทำไม่ได้ แม้นจะเสียเวลาทุ่มเทไปสักฉันใด ก็ไร้ค่า อุปมาเสมือนเด็ก ที่ยกของได้น้อย แม้นจะน้อย แต่หากมุ่งมั่น ทำหลายๆครั้ง ปริมาณรวมก็มากได้ หากแต่อยากจะยกของหนัก เช่นข้าวสารทั้งกระสอบ ทุ่มเทสักเท่าไหร่ก็ไร้ผล สู้ยกทีละน้อยๆ เอาที่ตนพอแบกไหว ทำบ่อยๆ หลายๆครั้ง ก็ได้ข้าวเป็นกระสอบเช่นกัน

คนโบราณจึงมักสอนว่า อย่าหมิ่นเงินน้อย เรื่องของศาสนาก็เช่นกัน อย่าเห็นว่าการกระทำนั้นเล็กน้อยไร้ค่า หากทำบ่อยๆ หลายๆครั้ง ก็อาจช่วยตนได้เช่นกัน

วันก่อน เราได้ยินคุณยายท่านหนึ่งคุยกับคนป่วยที่มาว่า ข้างบ้านฉันริมรั้วมีตำลึงเยอะเลย แต่มันต้องเอื้อมฉันเลยขี้เกียจเก็บ

แล้วท่านอาสิก็สอนว่าให้เราท่านทำนิสัย เพราะนั่นคือบุญ อันจะเรียกได้ว่า เงินบุญเป็นกอบเป็นกำ ก็ว่าได้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า เราท่านเพิ่งมาในศาสนา ย่อมเสมือนเด็กหัดเดิน จะทำนิสัยสร้างบุญเลย บางทีมันอาจเกินกำลัง ต้องอาศัยเวลาฝึกฝน หากแต่พฤติกรรมเล็กน้อย หรือนิสัย "อยู่บ้านท่านไม่นิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น" เสมือนเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน แม้นจะได้เงินบุญน้อยนิด แต่ทำบ่อยๆ ทำเป็นนิสัย ก็พอประคองตน จนกว่าจะทำนิสัยได้

การเด็ดตำลึง ปลูกมะกรูดเอง มะนาวเอง แล้วนำมาให้ การเอาใจดูหูใส่ ปิดก๊อกที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ปิดไฟ เก็บช้อนชาม รวมไปถึง การแสดงเอกลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ล้วนแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ทำได้เลย ตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้

ฟังเยอะ รู้เยอะ ได้แต่คิดว่าตนจะทำตนเป็นคนดี ตามรอยพระพุทธเจ้าที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แต่หาสติบังคับใจ บังคับกาย ให้ทำในสิ่งที่ตนพอทำได้ ไม่ได้เลย ครั้นจะไปรอสร้างนิสัยบุญ ก็คาดหวังไม่ได้ นี่แลจึงเป็นเหตุที่ทำไม การฟื้นฟูตน มันจึงล่าช้า มันจึงกลายเป็นเรื่องยาก

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนคนป่วยที่มาบวชเป็นพระว่า นิสัยกำลังทำอยู่ ยังทำไม่ได้ ทำไมท่านจึงไม่ดูคนทุกข์ แล้วทำให้ทุกข์นั้นหายไป ก็ไปปลูกตะไคร้ มะกรูด มะนาว แล้วเอาไปให้คนทุกข์ หายทุกข์ สุขที่คนเหล่านั้นได้ จะได้ย้อนมาให้สุขท่าน จะได้มีวันเวลา ให้ตนได้ฝึกฝนนิสัยของพระพุทธเจ้า จนทำได้

คิดอย่างเดียว มันไม่ให้สุขแก่ผู้ใด ไม่มีรูปธรรมเกิด ลงมือทำให้ผลเกิดแก่ผู้อื่น ตามความรู้ที่ตนมี ตามที่ตนทำได้ จะได้ทอนกรรมลง มีวันเวลาให้สร้างนิสัยสุข เกิดกับตน หาไม่แล้ว กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้ กว่าจะมีนิสัยสุข โรคก็เล่นเราท่านจะงอม ตายไปก่อนแล้ว

ใครจะบอกว่า มะกรูด ๑ ลูก ไม่มีค่า ช่างเขา ใครจะบอก สงบ ตามบัญญัติของพระภูมี สักชั่วครู่ ชั่วยาม ไม่มีค่า ช่างเขา เสมือนคนผู้นั้นกำลังบอกว่า เหรียญสลึง ไม่มีค่า ฉันใดฉันนั้น ต้องแบงค์พัน จึงจะถือว่ามีค่า ก็ช่างมัน คนที่รวย ล้วนแล้วแต่เห็นค่า ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ หรือ แบงค์

หากถามว่า รู้ได้อย่างไรว่า เราท่านจะหายโรคได้หรือไม่ ก็วันใดที่เห็นทุกข์ของผู้อื่น แล้วไม่นิ่งเฉย หรือธุระไม่ใช่ ทำแล้วเหนื่อย ไม่คุ้ม ไม่ทำ นั่นแหละตัวตัดสิน หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ตัวกระทำไม่ตาย ทำให้เขา ก็คือ ทำให้เรา เมินเขา ธุระไม่ใช่ นั่นก็คือ เมินเรานั่นเอง หายไม่หาย เราท่านนั่นแลกำหนดเอง

เรื่องของศาสนา จึงเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน ผลเป็นอย่างไร รู้อยู่แก่ใจ ตัดสินชะตาตนเอง ด้วยตนเอง

ท้ายที่สุด อย่าให้ถึงวันที่พูดกับตัวเองว่า "รู้งี้ทำเสียดีกว่า" ถึงวันนั้น ก็ได้แต่เพียงคิด ตัวกระทำเพื่อช่วยตน จากวันเวลาที่ได้ ด้วยฤทธิ์ของสมุนไพรที่ให้ หาประโยชน์แก่ตนไม่ได้เลย ปล่อยทิ้ง จนเวลาหมดไป แต่ก็นั่นแหละ ภาษิตก็กล่าวชัด ไม่เห็นโลง ไม่หลั่งน้ำตา ทุกวันนี้ คนสอนจะสอนสักฉันใด พูดสักฉันใด ก็ไม่ทำ กลับเห็นเป็นเรื่องน่าเบื่อ น่ารำคาญ ไป

จึงไม่ต้องแปลกใจ ว่าคนที่ทวนกระแสมาได้ จึงเป็นคนที่เหนือมนุษย์ ผู้ใดทำได้ จึงได้สมปรารถนา หายโรค เป็นรางวัลคุ้มค่ากับความเหนือย คนแบบนี้ มีน้อยกว่าน้อย หากแต่คนที่ได้แต่คิด มือไม่ทำ นั้นมากหลาย คนจำพวกนั้น ชอบขอพร หากแต่เรื่องศาสนา ใครทำ ใครได้ ขอให้ตายก็ไร้ผล เรื่องศาสนาจึงเป็นเรื่องของคนหมู่น้อย แต่อยู่ทน อยู่ยาว จนแก่เฒ่า เล่าขานเรื่องราวของตน ให้เฮฮา และอย่างมีความสข สู่คนรุ่นหลัง ด้วยความภาคภูมิใจ ที่ตนของตน เชื่อหลวงพ่อนิพนธ์ แล้วทำในศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จนได้พบสุขตราบบั้นปลายชีวิต คือ กินเป็นสุข นอนเป็นสุข ไม่มีโรค ไม่มีภัย มากล้ำกราย ถึงแก่ชีวิต

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44