สิ่งที่พึงเห็นได้ชัด แต่หลายคนกลับมองไม่เห็น หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า นั่นแหละ กรรมมันบังตา บังใจ ทำให้หลง
คำถามหนึ่งที่ถูกถามเมื่อครั้งถ้ำกระบอก นั่นคือ "การสวดมนต์"
ในเมื่อการกระทำนี้ดี ทำไมไม่สวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน เพื่อไปนิพพาน
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า นิสัยท่าน ชอบปลีกวิเวกเป็นทุนเดิม ดังนั้น จึงชอบไปนั่งสวดมนต์หลังถ้ำ ไม่ยุ่งกับใคร เป็นกิจวัตร
คำตอบที่ได้จากแม่ชีเมี้ยน คือ คำถามที่ย้อนกลับมาว่า ท่านเคยได้ยินว่า ฤาษีตนใด สามารถเข้านิพพานได้บ้าง ไม่มีเลย ทั้งๆที่บรรดาฤาษีเหล่านั้น นั่งสวดมนต์ภาวนา เคร่งยิ่งกว่าพระพุทธเจ้าเสียอีก
มิเพียงมีความอดทนที่สูง นั่งข้ามวันข้ามคืน แถมบางตน เคร่งไปกว่านั้นอีก ทานแต่ผลไม้ เห็นพระโคดมเดินผ่าน ก็หัวเราะเยาะว่า ท่านยังทานข้าว ทานเนื้อ ดูเราสิ ทานแต่ผลไม้ ใครจะแน่กว่ากัน
หลวงพ่อนิพนธ์ อรรถาธิบายคำตอบที่แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสสอนว่า "กรรมที่ท่านทำไว้แล้ว ทำกับผู้ใดเล่า ทำกับมนุษย์แลสัตว์ เมื่อท่านปรารถนา พ้นทุกข์ จะมานั่งปลีกวิเวก ไม่สนใจมนุษย์แลสัตว์ เลย จะไปได้หรือ"
เหตุที่ฤาษีเข้านิพพานไม่ได้ มากสุด กรรมดีที่ทำ ก็ได้แต่ไปยืนหน้าประตูนิพพาน แต่เข้าไม่ได้ เพราะการทำเช่นนั้น มันเห็นแก่ตัว เอาแต่ตัวรอด นั่นเอง
นี่แหละจึงทำให้หลวงพ่อนิพนธ์ ต้องปรับเปลี่ยนจากนั่งสวดมนต์ทั้งวัน มาเรียนวิชาสมุนไพร และเดินป่าเก็บสมุนไพร มาทำให้ญาติโยมทาน นับตั้งแต่นั้นมา
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนว่า แล้วเราท่านแน่กว่าฤาษีหรือ ทำแบบนั้นได้ไหม ก็ไม่ได้ ขนาดฤาษี ยังไปไม่ได้ แล้วจะไปทำแบบนั้นทำไม ผิดทางแล้ว หากจะหาบุญของพระพุทธเจ้า ต้องหากับมนุษย์และสัตว์
หรือจะใช้เงิน วัตถุสิ่งของสร้างบุญ ก็คงสู้ฝรั่งที่มีเงินมากมายก่ายกองไม่ได้ ถ้าบุญซื้อได้ ฝรั่งก็ไม่ต้องเป็นโรคแล้ว เอาเงินโปรยมาซื้อโรค แต่ความจริงก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ ฝรั่งเป็นโรคก็ตาย รวยแบบ สดีฟ จอร์บ ก็หนีโรคไม่พ้น แล้วเราท่านมีเงินไปแข่งกับเขาไหม ที่จะทำให้หายโรค
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอน ย้อนให้ไปได้รอยของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ อยากได้บุญ ก็ตัดกิเลส ตัดนิสัยตน แล้วก็ไปโปรดสรรพสัตว์ ให้พ้นทุกข์ เป็นพาหนะบุญพาไปนิพพาน
เพลานี้ เราท่านจะมาใช้ธรรมหมวดสมุนไพร ก็เป็นหนึ่งในธรรมของพระภุมี แต่ใช้แล้ว ไม่คิดจะทำตามรอย มันจะไปกันอย่างไรหนอ
ไม่ต้องลด หรือ เปลี่ยนนิสัยอันใดเลย หรือ
ไม่สนสรรพสัตว์ อื่นใดเลยหรือ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า เราท่านกำลังทำตนเหนือพระพุทธเจ้าไปเสียแล้ว ดูถูกกรรมซะเหลือเกิน
พวกที่ว่าแน่ หัวเราะพระพุทธเจ้าแลสาวก ว่ามีการกระทำที่ช่างโง่เขลา เบาปัญญา คนเหล่านั้นยังอยู่ แต่พระพุทธเจ้าแลสาวก ไปนิพพานกันหมดแล้ว นี่แล หัวเราะทีหลังดังกว่า
พวกที่อ้างตนฉลาด บอกตนว่า เรานั่งเฉยๆ นอนรอสบายกว่า จะไปทำอะไรตามพระพุทธเจ้าสอนทำไมให้เหนื่อยเปล่า อยากได้บุญ ก็เอาเงินไปซื้อ โน่นเขาบอกทำไอ้โน่น สร้างไอ้นี่ ได้บุญมหาศาล ไม่เห็นต้องเหนื่อยแรง เหนื่อยปาก เหนื่อยใจ อันใดเลย
อุตส่าห์พากายตนมาแหล่งบุญ ไม่ทำอะไร กลับเห็นแก่เงินไม่กี่บาท พาตนไปซื้อของถูก พาตนหลบไปเที่ยวที่เย็นๆ หายร้อน แล้วบอกว่า ให้คนโง่มันทำไป ถึงเวลาเราก็มารับสมุนไพรกลับบ้าน สบายกว่ากันเยอะ
ผลสุดท้ายของพุทธประวัติ ก็คงไม่แตกต่างกัน หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า คนที่ทำได้ คือคนรอด คนที่หัวเราะดูฉลาดในวันนี้ วันข้างหน้าไม่รู้อยู่ไหน แต่คนที่ดูโง่ ทำตามคำสอน จะมีเสียงหัวเราะ กินดี มีสุข มีชีวิตไร้โรคาพยาธิ และยังอยู่อย่างแน่นอน รอชมพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะประกาศตน
ฝรั่งที่ว่าแน่ มหาเศรษฐีที่ว่ารวยโคตร คนที่เคร่งแสนเคร่ง ไม่รอดสักคน แล้วตัวของเรา มีดีกว่าคนเหล่านั้น หรือ จึงไปใช้วิธีแบบนั้น เพื่อให้รอด
คิดจะหายโรค ทำตามพระพุทธเจ้าสอน แม่ชีเมี้ยนบอก ไม่ต้องใช้สิ่งอื่นใด ใช้นิสัยตนนั่นแล แล้วพากายไปให้สุขแก่สรรพสัตว์ รอดแน่
บทสรุป เรื่องของชีวิต หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า ต้องอาศัยบุญ และจะสร้างบุญ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ชี้ไปที่สรรพสัตว์ ไม่ใช่วัตถุ อย่าไปหวังวิธีการอื่นใด ที่จะทำให้ตนรอด โดยไม่สนนิสัย แลสรรพสัตว์เลย ไม่มีทาง เพราะคู่ต่อสุ้ ไม่ใช่โรค มันคือ กรรม คือ อำนาจ จะสู้ก็ต้องอาศัย ธรรม สร้างอำนาจบุญ จึงจะสมน้ำสมเนื้อ ไม่ใช่ลม อันได้แต่การกระทำ พิธีกรรม ที่คิดเองเออเอง ว่าเป็นบุญ หรือ วัตถุ ยาเคมี ทำเช่นนั้น ได้แต่ฝัน แต่ไปไม่ถึง กว่าจะรู้ ก็ฝาโลงแง้ม คนแล้วคนเล่า ที่เดินเข้าแล้วหามออก ไม่เห็นหรือ