คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คนไข้มะเร็งที่เดินทางจนถึงทางตันของชีวิต ในปัจจุบัน มีมากมาย แลกำลังหลั่งไหลมายังมูลนิธิไทยกรุณา
แม้นทางเลือกนี้ จะถูกเลือกเป็นทางสุดท้ายเสมอ แต่หลวงพ่อนิพนธ์ก็ไม่เคยปฏิเสธ นั่นคือ ทุกคนมีโอกาสที่ศาสนาเปิดให้ ได้แค่ไหน ไม่ว่ากัน
แต่สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์มักกล่าวเสมอว่า สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา มีแต่คุณ ไม่มีโทษ ถึงไม่รอด ก็ไปสบายไม่ทรมาน
ก่อนวันงาน มีคนไข้มะเร็งที่มาพร้อมกันกับเพื่อน อีกท่านหนึ่ง แจ้งว่า เพื่อนของเขาเสียแล้ว
คนป่วยรายนี้ หลวงพ่อนิพนธ์มักยกมาให้พิจารณาอยู่เสมอ ประการที่หนึ่ง นั่นคือ สภาพที่มาอยู่ในสภาพเลวร้ายสุดๆ ประการที่สอง คนป่วยมีสภาพจิตใจดีมาก ประการที่สาม คนป่วยเชื่อในคำสอนและพยายามทำตนตามคำสอนตลอดมา
การมาตลอดสองปี เพื่อนคนป่วยที่มาพร้อมกันเล่าให้ฟังว่า คนป่วยสู้ทุกอย่าง แลก็รู้ตัวดีว่า หนทางรอดแห่งตนคงยาก เพราะสภาพตอนที่มา ทุกวันต้องถ่ายเป็นเลือด
ด้วยเหตุที่เป็นมะเร็งลำไส้ แต่เธอก็อดทน ด้วยสภาพฐานะไม่เอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ เธอจึงใช้ความอดทน แทนการผ่าตัด
จนกระทั่งถึงระยะสุดท้าย เธอได้มาเจอทางเลือกสมุนไพร ก็พยายามทำตน แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวย มีแต่ใจสู้ ก็ทำเท่าที่พอทำได้
การมาทานสมุนไพร จวบจนเสียชีวิต ก็ประมาณสองปี การจะผ่านปีครึ่งมาได้ เพื่อนของเธอเล่าว่า นอนบิดไป บิดมา หน้าเขียว หน้าเหลือง บ่อยครั้ง ยิ่งตอนที่ลำไส้ของเธอ แสดงอาการของมะเร็งเต็มที่ แทบจะขาดใจได้ทุกวินาที
ด้วยน้ำอด น้ำทน ร่างกายเธอก็ฟื้นฟูตนเอง ในที่สุด ก้อนมะเร็งในลำไส้ ก็ถูกขับถ่ายออก หลังจากทานสมุนไพรได้ปีครึ่ง
ผ่านปีครึ่ง อาการปวดเริ่มทุเลาลงเรื่อยๆ จวบจนก่อนเสียชีวิต สองเดือน
สองเดือนนี้ ทำให้เธอรู้ว่า สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวนั้นเป็นจริง เธอไม่เคยมีอาการปวดใดๆเลย แม้นแต่น้อยนิด
แม้นกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง เพื่อนของเธอเล่าให้ฟังว่า คนป่วยบอกสามี อยากทานโน่นทานนี่ สามีก็รีบไปหามาให้ทาน แลเห็นเธอทานมากมาย และทานอย่างอร่อย ยังแซวภรรยาว่า ทานเยอะขนาดนี้ ยังอยู่ได้อีกนานแน่ แลในช่วงบ่าย เธอก็บอกสามีว่า จะไปแล้ว แล้วก็นอนจากไปอย่างสงบ
ภาพจริงที่เห็นนี้ ย่อมเป็นตำราให้คนรุ่นหลังได้เห็นว่า การทานสมุนไพร ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า ต้องใช้ขันติ อดทน ได้เป็นอย่างดี
กรรมเราท่านทำไว้แล้ว จะปฏิเสธ ไม่รับ ไม่เจ็บ ไม่ปวด เป็นไปได้หรือ สมุนไพรก็คงไม่ก้าวล่วงกรรมขนาดนั้นแน่ ที่จะไปล้างกรรมที่ทำมาของเราท่าน ทำได้ก็เพียงแต่เป็นพี่เลี้ยง ให้เราท่านฟื้นฟูร่างกาย แลสามารถรับอาการนั้นๆ ใช้กรรมจนหมด นั่นก็คือหายโรค
แม้นจะไม่รอด แต่การตายโดยไม่ปวด ก็ยืนยันได้ว่า ผู้ตายไม่ได้ตายด้วยโรคมะเร็งเป็นแน่แท้ ยิ่งในรายที่ยกมานี้ กล่าวด้วยความยิ้มแย้มแก่เพื่อนของเธอ ให้เชื่อมั่นในคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์แล้วทำตาม เพราะชีวิตสองเดือนสุดท้าย นับว่ามีความสุขแบบหาไม่ได้ในหลายปีที่ผ่านมานับแต่เป็นมะเร็ง
ภาพจริงนี้ จึงยืนยันในคำของหลวงพ่อนิพนธ์ที่กล่าวเป็นสติเสมอว่า หากจะเจอสวรรค์ ต้องใช้ขันติ อดทน ผ่านประตูนรกให้ได้ก่อน
บทสรุปที่สำคัญ สมุนไพร มีแต่ผลดี อาการที่พึงเกิด นั่นมันเป็นอาการแห่งโรคทำให้เกิด เป็นกรรมที่เราท่านทำมา จะปฏิเสธไม่ให้เกิด ไม่รับ คงไม่ได้ การทานสมุนไพร แล้วจะไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ปวดใดๆเลย เรียกว่าหายแบบเดินบนกลีบกุหลาย นั่นคือ ความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง
การใช้ทางเลือกสมุนไพร จึงต้องเตรียมพร้อม อาศัยองค์ความรู้ แล้วเตรียมจิตใจ และ ร่างกาย เพื่อรอเวลาผ่านประตูนรก เมื่อเจ็บมาถึง นั่นก็เป็นสัญญาณว่า ร่างกายพร้อมสู้ แลวันเวลาในการหายมาถึง เริ่มนับถอยหลัง สู่การหายโรค .... เจ็บจนหายเจ็บเมื่อไหร่ นั่นแลหายโรค ร่างกายเราท่านเอาชนะโรคได้แล้วนั่นเอง
แลบทสุดท้าย เมื่อพรหมลิขิตมาถึง ก็ต้องไป แต่กายใหม่ที่รออยู่ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ไร้โรคาอย่างแน่นอน นี่แหละคือผลตอบแทน ในความขันติ อดทน เชื่อ และทำตามธรรมคำสอน