ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559
โรคที่ไม่ใช่โรค
ความลึกลับซับซ้อนของจักรวาล หากไม่มีแม่ชีเมี้ยนที่ซึ่งนำความรู้ของพระภูมีมาเล่าให้ฟัง ก็คงดำมืด หลงทางเหมือนคนทั่วไปนั่นเอง
แค่โรคตายธรรมดา ที่พบเห็นกันเกลื่อนกลาด มีผู้เก่งกล้าสามารถอวดตนว่ารักษาได้ช่วยได้ ไม่ว่าหมอจริง หมอเก๊ เข้าทรง องค์เจ้า สารพัน ... แต่ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดได้หรือ
สถิติการตายย่อมเป็นผลที่บ่งชัดว่า ความจริงเป็นเช่นไร แลยิ่งประเทศที่คุยโม้โอ้อวด เป็นผู้ก้าวหน้าทางวิทยาการ สามารถค้นคว้าและผลิตยารักษาโรค (โรคตาย) ได้ แต่ตัวเลขการตายของโรค สำหรับประชากรของตน ยิ่งวันยิ่งเพิ่มพูน ... ฟ้องภาพให้เห็นชัดว่าลวงโลก
หากแต่คนไม่ยอมรับความเป็นจริง ก็ยังสร้างฝัน ว่ายานั้นจะรักษาตนหรือคนที่ตนรักได้
ศาสตร์ของพระภูมี เป็นความจริงของจักรวาล แลธรรมของพระองค์ มีอำนาจมหาศาล แต่มีวงเล็บ ทุกคนใช้ได้ แต่ได้ผลเฉพาะกับคนที่ทำคุณสมบัติ ตามฟ้าดินกำหนดได้ เท่านั้นเอง
แค่ปัญหาโรคอย่างเดียว มนุษย์ก็จนตรอกแล้ว นั่นคือหายารักษาโรคไม่ได้ ทำได้แค่เพียงระงับอาการชั่วครู่ชั่วยาม เท่านั้นเอง
ศาสตร์ของพระภูมี จึงมีวงจำกัด ใช้เฉพาะกลุ่มคนที่อยากได้ แล้วทำตน ตามคำสอน ไม่วุ่นวาย ตีฆ้องร้องป่าวให้คนแห่แหนมา อวดตนว่าวิเศษรักษาได้
โรคทั่วไป เมื่อมาใช้ธรรมหมวดสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ก็ทำให้ทุกคนมีโอกาสช่วยตนได้
ด้วยเหตุแห่งที่มาของโรคคือ กรรมที่ทำมา
แต่สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์เตือนให้พึงระวัง นั่นคือ โรคที่ไม่ใช่เหตุแห่งกรรม เหมือนอดีตเก่าก่อน
โรคเหล่านี้ เกิดหลังจากการฟื้นฟูตนจนหายดีจากโรคเดิมแล้ว
มูลเหตุแห่งโรค จึงไม่ใช่มาจากกรรมทำให้เกิดเท่านั้น หากแต่ต้นเหตุจริงๆ คือ นิสัยตน นำเกิด
โรคประการหลังนี้ จึงเรียกว่า โรคที่ไม่ใช่โรค
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า เพราะโรคดังกล่าว เกิดจากพฤติกรรม ทำทั้งๆที่รู้เรื่องของศาสนา เรื่องของบาป ของกรรม ของบุญ แล้วนั่นเอง จึงเรียกโรคเหล่านี้ว่า "โรคนิสัย"
ดังนั้น ใครก็ตามที่มาใช้ธรรมหมวดสมุนไพรแล้วไซร้ ต่อมาเกิดโรคกับตนอีก หรืออาการอื่นใดอีก ที่เป็นโรคพัก หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า บุคคลเหล่านั้น ไม่สามารถที่จะใช้ศาสตร์สมุนไพรเพื่อช่วยตนได้อีกต่อไป
ด้วยเหตุแห่งโรค มาจากนิสัย นั่นเอง โรคที่ไม่ใช่โรคเหล่านี้ สมุนไพรจึงช่วยไม่ได้ การจะช่วยตน มีหนทางเดียวคือ เปลี่ยนนิสัย มาใช้นิสัยของพระภุมี
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เห็นว่า ศาสน์ของพระภูมี เป็นศาสน์แห่งปราชญ์ เมื่อใช้อำนาจช่วยผู้ใด ย่อมมุ่งหมายซึ่งคนดี เป็นสำคัญ ดังนั้น การช่วยจึงมีชนักปักกลางหลังทุกตัวคน หากไม่เปลี่ยนนิสัยแล้วไซร้ ย่อมไปไม่รอด นั่นคือ นิสัยตนจะทำให้เกิดโรคหวนคืนกลับ
ศาสตร์อันนี้ จึงบังคับกลายๆ อยากจะให้ชีวิตตนปลอดภัย จึงต้องกลายเป็นคนดี โดยปริยายนั่นเอง
ใครที่คิดว่าตนฉลาด จะมาหลอกกินสมุนไพร หายแล้วก็ไปลับ ไม่สนใจ ไม่คิดจะเปลี่ยนพฤติกรรมอันใดเลย บางทีเลวร้ายกว่าเก่า เพราะลำพองที่มีสมุนไพร ... ฝันไปเถอะ
แลเมื่อใด ที่เกิดโรคหวน อันเป็นโรคที่ไม่ใช่โรคแล้ว อะไรก็ฉุดไม่อยู่ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า จะมีลักษณ์ะที่ไปเร็ว เพราะกรรมเขาจะไม่ให้โอกาส หรือวันเวลา นั่นเอง
เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า เมื่อห่างไกลจากยุคของพระภูมีแต่ละพระองค์ ศาสตร์สมุนไพรจึงเลือนลางและจางหายไป ตามความเชื่อ ความศรัทธา ที่มีต่อพระพุทธเจ้าที่ถอยลง นั่งเอง
เราจึงย้ำคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ที่กล่าวบ่อยๆว่า สมุนไพรเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ธรรมชาติสร้างมาคู่กับโลก มีวิญญาณรับรู้ เคล็ดของจักรวาล อยู่ที่พฤติกรรมของคนทาน นั่นเอง จะทำให้สมุนไพรมีฤทธิ์เสมือนยักษ์ในตะเกียงวิเศษ หรือ ของที่ทานผ่านมาก็ผ่านไป ไม่ให้ค่าอะไรเลยแก่ตน ได้ทั้งนั้น
ความวิเศษของสมุนไพร คือ ความวิเศษของคนผู้นั้น นั่นเอง ที่ทำตนเหนือโลก มีที่เว้น มีนิสัยพระภูมีในตนมากน้อย ความธรรมดาของสมุนไพร คือ คนธรรมดานั่นเอง ที่บรรเลงทุกสิ่งอย่างไปตามนิสัยตน ทุกเวลา ทุกสถานที่
การทำสัจจะ หรือ ทำนิสัยพระพุทธเจ้า จึงสำคัญยิ่ง ... หากเป็นโรค มาทานสมุนไพร ก็พอทำเนา หากทานสมุนไพร แล้วกลับไปเป็นโรค อะไรก็ช่วยไม่ได้แล้ว
หายโรคไม่ใช่เรื่องใหญ่ "นิสัยตน" นี่สิเรื่องใหญ่