ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ศาสตร์ที่วิทยาศาสตร์ไม่มีวันค้นพบ
วิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่จับต้องได้ สามารถสัมผัสได้ เป็นเหตุเป็นผล ทำกี่ครั้งเมื่อเหตุเหมือนเดิม ผลก็เหมือนเดิม
ศาสตร์ของพระภูมี มิเพียงล้ำกว่าในด้านความรู้เชิงวิชาการ ที่สัมผัสได้เท่านั้น หากแต่ยังล้วงลึกไปถึงกรรมอันเป็นต้นเหตุแห่งโรค
ดังนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า บัญญัติที่พระภูมีให้กระทำ จึงมิใช่จบที่สมุนไพร อันเป็นสิ่งที่จับต้องได้
เคล็ดประการหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ นั่นคือ "แรงต่อแรง"
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า กรรมทำฉันใด ธรรมก็ทำฉันนั้น เพียงแต่ย้อนศร เสมือนปลาว่ายทวนกระแสน้ำนั่นเอง
เมื่อนิสัยกรรม เริ่มจากหนึ่ง แล้วก็ทำให้เกิดความอยาก ก่อสร้างกรรม แล้วก็เจ็บเพื่อใช้ แล้วก็สร้างกรรมอีกไม่รู้จบ
ดังนั้น เมื่อเราท่านสร้างนิสัยธรรมขึ้นประการหนึ่ง แทนที่จะอาศัยความอยาก ก็อาศัยความศรัทธา แล้วเอาแรงที่ได้จากสมุนไพรไปทำ ก็ลดความเจ็บ ได้แรงมากขึ้น ก็ทำต่อไป เป็นบุญไม่รู้จบเหมือนกัน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้เห็นว่า มนุษย์ที่เรียกว่าสัตว์ประเสริฐ เพราะเลือกได้นั่นเอง เลือกที่จะเอานิสัยกรรม หรือ นิสัยธรรมมานำตน สร้างเป็นกรรม เป็นบุญ ให้แก่วิญญาณ
ด้วยความรู้นี้ จึงไม่แปลกเลยว่า ลักษณะที่โดดเด่นของหลักพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนทรงนำมา แล้วเริ่มใช้กับพระ กับผู้ป่วย มาจนฆราวาส จนผู้คนในยุคถ้ำกระบอก เรียกกระบวนการช่วยตนนี้ว่า "หลักกินแล้วไม่นอน"
กรรมฐานของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยน นำมาสอน จึงมิใช่การนั่งหลับตา กรรมฐาน ที่ซึ่งเมื่อทำแล้วเสร็จ ลุกไป ไม่เกิดประโยชน์อันใด แก่ผู้ใดเลย หากแต่กรรมฐานของพระภูมีนั้น คือ การเอานิสัยธรรม นำตน แล้วไปทำ สิ่งที่ให้สุขแก่ผู้อื่น ต่างหาก
พรรษาที่ผ่านมา เมื่อแม่ชีท่านหนึ่ง มาร่วมบวช แล้วขอนั่งวิปัสนากรรมฐาน หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ถ้าชอบแบบนั้น ที่นี่ไม่มี กรรมฐานของพระพุทธเจ้า โน่น ถางหญ้า ปลูกต้นยา ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
ต้นเดือนธันวา เราท่านก็เห็นผลของกรรมฐาน นั่นคือ ข้าวร้อยกว่ากระสอบ ที่กองอยู่ในโกดัง รอที่จะแปรเป็นสุขแก่สรรพสัตว์ และมนุษย์
ดังนั้น คำถามที่ถามว่า จะหายไหม ในอดีตจึงถูกย้อนถามกลับว่า ตอนนี้ท่านสิ้นแรงจะทำบาปใดๆ แล้ว หากช่วยท่านมีแรงกลับมา ท่านจะเอาแรงนั้นไปทำอะไร
ศาสตร์แรงต่อแรงนี้ จึงเห็นภาพได้ชัด จากตัวอย่างที่หลวงพ่อนิพนธ์มักยกมาให้ฟัง จากคนไข้มะเร็งที่แม้นแต่ยกมือยังลำบาก ก็อาสาไปล้างจาน ให้ลูกล้างเป็นหลัก ตนเองเริ่มจากล้างวันหนึ่งได้ไม่กี่ใบ จนวันนี้ เธอมีแรงสามารถล้างจานได้เป็นพันใบแล้วนั่นเอง
ภาพอันนี้ กำลังจะโดดเด่น ที่สำนักลพบุรี ที่ซึ่งคนไข้มะเร็งที่ผ่านการเรียนรู้ และอบรมจากหลวงพ่อนิพนธ์ ใช้เพื่อช่วยตน แต่ละคนล้วนแล้วแต่อยู่ในระยะที่หมอทิ้งมาแล้วทั้งสิ้น เอาแรงที่ได้คืนมา มาปลูกต้นยา มาทำยา
หากไม่ถึงพรหมลิขิตแล้วไซร้ มะเร็งที่ว่าเป็นแล้วตาย ยิ่งขั้นสุุดท้าย รายไหนรายนั้น เดินเข้าโรงพยาบาล หามออกทุกคน แต่สถานที่นั้น หามมา ประคองมา พวกเขาจะเดินออกอย่างสง่าผ่าเผย ให้เราท่านดู ว่าพวกเขาคือ ผู้รอด ผู้ทำได้