เมื่อ เราทำไม่ได้ คนนั้นก็ทำไม่ได้ ก็ต่างคนต่างเฉย ... หลอกไปวันๆ ว่ารักษาศีลได้ ผลก็คือ ไม่ได้อะไรมาช่วยตนเลย
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ช่องทางการสร้างบุญที่แม่ชีเมี้ยนนำมาสอนตามแนวพระพุทธเจ้า ว่า ทำตามกำลังที่ตนมี
เช่นวันนี้ จะไม่โกรธใคร ไม่ด่าเมีย ไม่ตีลูก ทำได้ ๑ ชั่วโมง ก็ถวายพระพุทธ ๑ ชั่วโมง ทำได้ แค่ไหนถวายแค่นั้น ค่่อยๆทำไป ลดนิสัยที่เสียของตน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เริ่มจาก ๑ ชั่วโมง แล้วค่อยๆ เพิ่ม ค่อยๆ ฝึก เริ่มจาก ๑ ข้อ แล้วค่อยๆ เพิ่ม ...
เมื่อทำได้ นั่นหมายถึงสติ ที่เมื่อเกิดเหตุ ก็จะมาเร็ว ทำให้ไม่ทำกรรมต่อตามนิสัยเดิม
การเริ่มก็ให้เริ่มที่หยุดกายก่อน แล้วค่อยไปวาจา ใจ .... อาทิเช่น เมื่อถวายไม่โกรธ เมื่อเหตุมา ใจหยุดไม่ไหว วาจาก็หลุดแล้ว ก็รีบพากายไปจากที่นั้นเสีย เป็นต้น กรรมที่เกิดมันก็ไม่สมบูรณ์ และไม่เป็นตน เพราะหยุดกายได้นั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า บาตรของพระภูมี มิใช่มีไว้ให้ใส่ข้าว นั่นไม่ใช่ความประสงค์ หากแต่มีเพื่อให้ใส่นิสัยของเราท่านต่างหาก ... คนที่ไม่รู้ก็เห็นศาสนาพุทธเป็นศาสนาขอเขากิน เพราะไม่รู้นั่นเอง
ก็ยังทำวาจา ทำใจ ไม่ได้ ไม่เป็น จึงต้องเริ่มที่เป็นจิตอาสา ทำกายก่อนนั่นเอง
เมื่อทำกายได้ มันก็จะล้นไปเป็นการคุมวาจา และคุมใจ ในที่สุด