เมื่อครั้งแม่ชีเมี้ยนมอบตำราสมุนไพรให้แก่หลวงพ่อนิพนธ์ ท่านอุปมาให้ฟังว่า สิ่งที่ให้ เหมือนดุจดั่งเมล็ดไทร
เม็ดอันน้อยนิดนี้ เมื่อนำไปปลูก กว่าจะตั้งตัวได้ ย่อมยากลำบาก แต่เมื่อเติบใหญ่ จะแผ่กิ่งก้านสาขา ให้เป็นร่มเงาอันมหาศาล
วันเวลาแห่งการตั้งตัวใกล้จะสิ้นสุดลง อันหมายถึงช่วงโปรโมชั่น ที่ต้องพยายามโน้มน้าวคนให้มาใช้ทางเลือกสมุนไพร นั่นเอง
วันเวลาดังกล่าว จึงต้องลดทอนกฎระเบียบให้หย่อนลง เพื่อเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากได้มีโอกาสมาสัมผัส และใช้เป็นทางเลือกประการหนึ่ง แล้วคัดสรรคนที่ทำได้ เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนเห็นว่า หลักของพระภูมีมีจริง ความไม่มีโรค นั้นทำได้จริง
หากแต่เมื่อถึงเวลา นั่นคือ ตั้งตัวได้แล้ว แสดงให้คนเห็นแล้ว ว่าสิ่งนี้มีจริง และทำได้ แม่ชีเมี้ยน ก็บอกว่า นั่นถึงเวลาที่จะต้องคัดสรรคน เลือกเฉพาะคนที่ทำได้ เพราะวันเวลามีน้อย คนที่จะทำแล้วเกิดผล นั่นคือ คนที่มีคุณสมบัติ
หลายคนมุ่งค้นหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาเกื้อกูลชีวิต ตลอดทั้งชีวิต แต่ดิ้นรนสักเท่าไหร่ ก็ไม่เจอ สิ่งที่เจอ ก็มีเพียงแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คิดเอาเอง มีแต่ลม ครั้นพอเจอกรรม ประสพปัญหาของชีวิต จึงแก้ไม่ได้
เมื่อมาเจอศาสน์ของจริง หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ช่องให้เห็นว่า การสร้างหรือค้นหาสิ่งศํกดิ์สิทธิ์ โดยมนุษย์นั้นเป็นไปไม่ได้ หากแต่พระภูมีทำแนวทางให้เห็นว่า แม้นแต่ตัวท่านก็ไม่ใช่สิ่งศํกดิ์สิทธิ์ หากแต่ทำคุณสมบัติ จนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เกื้อกูล และใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้
นั่นคือ เราท่านไม่สามารถสร้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หากแต่สิ่งที่ต้องสร้างคือ คุณสมบัติ เพื่อให้เข้าเกณฑ์แล้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะเกื้อกูลเอง
ดังนั้น หลักของพระภูมี จะสามารถสัมผัสสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงผูกโยงกับพฤติกรรมของเราท่านเป็นสำคัญ ... จนมีคำกล่าวว่า ใครทำ ใครได้
การมาฟังหลวงพ่อนิพนธ์ จึงมาเพื่อเรียนรู้เหตุและผลตรงนี้ และเรียนวิธีการสร้างคุณสมบัติ แล้วเอาไปทำในส่วนที่ทำได้นั่นเอง
เมื่อวาระมาถึง ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์กำหนดเริ่มตั้งแต่ วันเปิดปฐมฤกษ์ ของอาคารผู้ป่วยมะเร็ง ... นั่นหมายความว่า เมื่อวินัยกำหนดออกมา ใครทำไม่ได้ หรือไม่ทำ ก็จะถูกคัดออกไป โดยเฉพาะโรคมะเร็ง
ใครไม่มา มาไม่ได้ อันนี้เรียกว่าขาดคุณสมบัติร้ายแรง ไม่ให้ค่าแก่ชีวิต หรือวันแห่งชีวิต หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ฟ้าดินเขาถือ ก็จะถูกตัดสิทธิ์ไป ... ใครทำตามวินัยที่กำหนดได้ หากแม้นไม่ใช่โรคจากพรหมลิขิตแล้วไซร้ รับรองได้ว่า หายทุกคน
วันเวลาแห่งการฝึกหมดลงแล้ว คนที่ไม่เคยฝึกสงบ ในยามสวดมนต์ ฟังคำสอน ครั้นถึงเวลาจริง ก็จักอึดอัดมาก ทำได้ยาก ประเภทเข้าห้องปุ๊ป นั่งปั๊บ คุยทันที ... มันจะทำไม่ได้แล้ว และไม่มีโอกาสให้แก้ตัวแล้วเช่นกัน
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของวินัย เพื่อให้เข้ากับบทบัญญัติของฟ้าดิน จะรวดเร็ว ... และเป็นการคัดสรรผู้ที่ทำได้ เพราะผู้ที่ทำได้เท่านั้น จึงจักประสพผล ... ไม่ใช่ประสพผลเพราะตัวของหลวงพ่อนิพนธ์ หรือ สมุนไพร
จุดใหญ่ใจความ ของการหาย จึงไม่ใช่อยู่ที่โรค แต่เป็นที่นิสัย พฤติกรรมต่างหาก ที่เป็นเครื่องชี้ผลว่า แพ้หรือชนะ
เมื่อผลแห่งโรคมะเร็งเกิดให้เห็นเป็นรูปธรรมคนแล้วคนเล่า โรคร้ายอื่นๆ ก็จักได้โอกาส โดยเฉพาะโรคเอดส์ และยาเสพติด ที่หลวงพ่อนิพนธ์ ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับอยู่แล้ว
ที่ไหนว่าแน่ พามะเร็ง พาเอดส์ ไปถวายเลย ... แต่ที่นี่ ไม่แน่ แต่ทำได้ แล้วทำไมต้องมาง้อ อ้อนวอนให้ทำเล่า .... มันหมดโปรโมชั่นแล้ว