ในขณะที่ที่มาของโรคอื่นๆ เริ่มจากเชื้อโรคชนิดนั้นๆ แต่มะเร็งกลับตรงกันข้าม เพราะมีจุดเริ่มจากสิ่งที่ทุกคนมี นั่นคือ เป็นเซลล์ที่มีอยู่ในร่างกายของทุกคนอยู่แล้วนั่นเอง
ความร้ายแรงของมะเร็ง จึงเป็นการทำลายอวัยวะที่เซลล์กลุ่มนี้ฝังตัวอยู่ แทนที่จะมุ่งทำลายภูมิของอวัยวะนั้นๆ เหมือนโรคชนิดอื่นๆ
ดังนั้น กว่าจะรู้ตัว ย่อมหมายถึงสภาพเลวร้ายต่ออวัยวะนั้นๆ ต้องเกิดและรุนแรงแล้ว ผลก็คือ แทนที่จะต้องต่อสู้กับโรคเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ต้องแข่งขันอีกอย่างหนึ่ง ที่สำคัญกว่าคือวันเวลาที่เหลือนั่นเอง
หากเป็นพรหมลิขิต การหายโรคก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ดีที่สุดก็คือ ไปสบาย หากแต่เป็นอุบัติเหตุ ยังมีวันเวลา แม้นจะหนักสาหัสปานใด หากคนป่วย ทำได้ ตามคำสอน คำบอก ของหลวงพ่อนิพนธ์ ก็เชื่อได้ว่า โอกาสรอด หลวงพ่อนิพนธ์เชื่อมั่นว่า ทำได้ ร้อยคน ก็รอดร้อยคน แน่นอน
ประเด็นปัญหาก็คือ โรคนี้ ต้องได้รับการดูแลอย่างถึงพริกถึงขิง ตอนนี้ คนไข้ที่มา แม้นจะเป็นวันแรก ก็ต้องเข้าไปให้หลวงพ่อนิพนธ์พิจารณา และหากมีอาการ ก็ต้องรีบเรียนทันที เพราะถึงขั้นระดับมีอาการ ย่อมต้องการแก้ไข เรียกว่าให้ทันท่วงที เพื่อลดอาการนั้นลง ไม่ให้ก่ออาการข้างเคียง จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
โอกาสแรกที่คนไข้มะเร็งเหล่านี้ จะได้รับ นั่นคือ การที่จะได้สมุนไพร ในตอนเร่ิม ที่่มากกว่าปกติ เพราะต้องแข่งกับวันเวลานี้เอง
หากแต่ด่านแรก ที่คนไข้มะเร็งต้องเจอ นั้นคือ การทานสมุนไพรให้ได้ ดังนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า วัดกันที่ ๓ สัปดาห์แรก หากผ่านด่านแรกได้ ช็อตต่อไป ก็คือ การแก้อาการไปตามสภาพที่เกิด นั่นคือ คนไข้หรือผู้ดูแล ก็ต้องมีหน้าที่ รายงานสภาพให้รู้ เพื่อปรับเปลี่ยนสมุนไพร ให้เหมาะสม
ส่วนคนไข้อื่นๆ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า มันเป็นโรคที่ยังมีวันเวลา ดังนั้น หากคนเหล่านั้น สามารถมีพฤติกรรมแบบพวกพระมาลัย ความสำเร็จ ยิ่งเกิดง่าย และรวดเร็ว แต่น่าเสียดาย เพราะสิ่งนี้อาจเป็นดาบสองคม เพราะทำให้ คนไข้เหล่านี้ ด้วยยังมีวันเวลา ความเลวร้ายยังไม่รุนแรง จึงไม่เน้น ที่จะทำให้จบ เล่นไปตามนิสัยตน คือ อยากมาก็มา มีธุระก็หยุด ขาดความต่อเนื่อง ...
ภาพที่จะได้เห็นที่หลวงพ่อนิพนธ์ จะสร้างให้ดู นั่นคือ คนที่เลวร้าย หมอให้คำประกาศิต เมื่อทำถูก ทุ่มเท ผลสำเร็จก็จะมีให้ได้ดังหวัง ... ดังนั้น เมื่อภาพนี้เกิดขึ้น คนที่เป็นโรคที่ร้ายแรงน้อยกว่า ยิ่งเป็นเรื่องง่ายที่จะช่วยตน แต่.... ก็ขอเฉพาะคนที่พร้อม ประเภทมาตามความอยาก ก็จำเป็นต้องอุเบกขาไว้ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมา
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า การเข้ามาเมื่อปรึกษา เป็นเรื่องสำคัญ อย่ารอให้เกิดความเลวร้ายมากจึงค่อยมา เพราะยิ่งหยุดอาการได้เร็วเท่าไหร่ ร่างกายก็ฟื้นเร็ว และมีโอกาสรอดมากเท่านั้น