หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า แม่ชีเมี้ยนทรงชี้ให้เห็นว่า เมื่อพระพุทธเจ้า ตรัสรู้เรื่องกรรม นั่นคือ มนุษย์ทุกคนมีกรรมเป็นอำนาจ
ดังนั้น การจะเปลี่ยนพรหมลิขิต หรือ ลิขิตกรรมของผู้ใด นั่นย่อมหมายถึง การใช้อำนาจธรรม เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพรหมลิขิตของคนผู้นั้นนั่นเอง ให้สามารถเลี่ยงกรรม หนีกรรม หรือใช้กรรม
การจะกระทำเช่นนั้น และประสพผล ดั่งเช่นพระภูมี สอนสาวกให้พ้นกรรม กลายเป็นพระอรหันต์ ปัจจัยที่สำคัญที่สุด นั่นคือ พระภูมีจะกระทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของสาวกด้วย
ธรรมหมวดสมุนไพรก็เช่นกัน ไม่สามารถที่จะทำฝ่ายเดียว แล้วช่วยให้คนป่วย พ้นจากโรคได้ ย่อมต้องอาศัยความร่วมมือของคนป่วย ประสานมืออย่างเหนียวแน่น และมั่นคง จึงจะฉุดจากเหวนรก คือ ความเจ็บ อันหมายถึง เลี่ยงกรรม หรือ หนีกรรรม หรือ ใช้กรรม แล้วได้ลิขิตใหม่ อันเป็น ธรรมลิขิต
ส่วนคนที่ไม่ยื่นมือมา นั่นหมายถึง คนเหล่านั้นย่อมไม่สามารถหนี อำนาจของกรรมได้ พระภูมีจึงตรัสว่า คนเหล่านี้ ตกในสภาวะ "หมูเขาจะหาม" แม้นจะอยากช่วยสักฉันใด ก็ต้องวางเฉย เรียกว่า "อย่าเอาคานไปสอด" มิฉะนั้น ก็กลายเป็นการก้าวล่วงอำนาจกรรม ผิดฟ้าบัญญัติ นั่นคือ หลักตนพึ่งตน
และเวลานั้นก็มาถึงแล้ว ในวันพุธที่ ๒๖ พฤศจิกายน ศกนี้ คณะกรรมการของมูลนิธิ จะจัดให้มีการเปิดอาคารโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อนิพนธ์
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า เมื่อจะเอาผลเบ็ดเสร็จ ก็ต้องเฟ้นหาคนที่มีใจ มาร่วมมือกันแก้ปัญหาชีวิตที่เกิด เพื่อให้ผลสำเร็จเกิด และรวดเร็ว
นั่นหมายถึงว่า บทเมตตา ผ่านกรุณา มุทิตา มาถึงอุเบกขาแล้ว คนที่จะใช้แนวทางนี้อย่างได้ผล จึงต้องเป็นผู้มีวันเวลา อันหมายถึง เห็นชีวิตตนสำคัญเหนืออื่นใด ... กฏข้อแรกที่จะถูกใช้นั่นคือ จนกว่าการรักษาจะแล้วเสร็จหายโรค คนป่วยต้องทำตามข้อปฏิบัติที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ต้องมาอย่างต่อเนื่อง ห้ามขาด ... ผู้ใดขาด ผู้นั้น ขาดคุณสมบัติ และถูกตัดสิทธิ์ทันที
เหตุผลก็คือ โรคร้าย อุปมาเหมือนงูพิษ หากจะตีต้องตีให้ตายในคราเดียว มิฉะนั้นจะแว้งกัดได้ การใช้แนวทางสมุนไพรก็เช่นกัน เมื่อเริ่มทาน ก็ต้องทำให้จบราวจนหายโรค เมื่อหายแล้วจะทำอย่างไรไม่ว่ากัน หากแต่ในช่วงที่ยังไม่หาย แล้วหยุดกลางครัน แม้นจะหวนมาทานใหม่ ก็เป็นการยากแล้ว เพราะโรคมันรู้ทางแล้วนั่นเอง
ประการถัดมา คนที่มีคุณสมบัติ หลังจากผ่านการทดลองทานสมุนไพรใน ๓ สัปดาห์แรกแล้ว และตกลงที่จะเข้าคอร์ส ก็จะได้รับสมุนไพรเฉพาะบุคคล เฉพาะอาการ อย่างเต็มที่ และเมื่อสภาพพร้อม คุณสมบัติพร้อม ก็จะปิดด้วย ยาตัด อันเป็นเครื่องการันตีได้ว่า หายแน่นอน
ในระหว่างการฟื้นฟู จะมีสายด่วนตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อให้คำปรึกษาในกรณีที่เกิดอาการปัจจุบันทันด่วน
เนื่องด้วยความจำกัดของกำลังในการช่วย ดังนั้น จะมีการกำหนดจำนวนที่จะรับ แล้วรับจนเต็มจำนวน คนที่มาทีหลังก็ให้ลงชื่อไว้ เมื่อคนเก่าหายแล้วกี่คน ก็รับคนใหม่มาแทนจนเต็มจำนวน
เมื่อเริ่มบทนี้ ... ภาพที่ได้แต่ได้ยิน วันนี้ก็จะได้เห็น นั่นคือ ยักษ์หน้าโบสถ์ ... คือคนที่อยากเข้ามา แต่เข้าไม่ได้เพราะไม่มีคุณสมบัติ ...
หมดยุคกินเล่น ทานเล่น ทำเล่น แล้ว .... ถึงเวลาโชว์ไทม์แล้ว
คนป่วยมะเร็งก็พึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้ตามข้อปฏิบัติของหลวงพ่อนิพนธ์ ... นาทีนี้ เอาเฉพาะคนอยากได้ และทำได้ ... นั่นคือ คนที่จะประสพผล ทำได้ร้อยคน ก็หายร้อยคน ทำได้พันคน ก็หายพันคน ... นี่คือคำยืนยันจากหลวงพ่อนิพนธ์
คนไหนวิกฤตเข้ามาฟื้นฟูที่นี้ พอพ้นวิกฤตก็กลับไปฟื้นฟูที่บ้าน เพราะช่วงวิกฤตของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างกรรมต่างวาระ จึงต้องให้หลวงพ่อนิพนธ์วินิจฉัยและสั่งเป็นรายบุคคล
บทสรุปหลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า จำไว้ว่า "ไม่ผ่านประตูนรก ก็ไปไม่ถึงประตูสวรรค์ วันใดที่นรกแตก ความทรมาน ความปวดมาประดัง วันนั้นแหละ คือวันที่ประตูสวรรค์เปิดรอ ผ่านประตูนรกเมื่อไร ก็ถึงประตูสวรรค์ทันที" นั่นคือ การหายโรค
อุปมาเหมือน แม่คลอดบุตร เจ็บปวดสุดประมาณยามก่อนคลอด แต่สุขล้นปรี่ เมื่อได้ยินเสียงลูกร้อง
นั่่นหมายความว่า นับตั้งแต่วันเปิดเป็นต้นไป คนไข้มะเร็ง จะถูกจัดแยกจากคนไข้ประเภทอื่น ไปทำกิจกรรมเป็นกลุ่มต่างหาก ...ทำให้โรคอื่นดู ทำให้โลกดู ว่าหากทำตามรอยของธรรมบัญญัคิ ... และทำได้แล้วไซร้ มะเร็งนั้นไม่ยากเกินกว่าที่จะพิชิตได้
เมื่อเราท่านเปิดใจยอมรับ ยื่นมือไป ธรรมก็จะยื่นมือมาฉุดเราท่านขึ้นไป หากแต่ถ้าปิดใจ มือของธรรมก็คว้าลม ช่วยตนของเราท่านไม่ได้เลย และธรรมก็ไม่มาเสียเวลาคว้าไขว่ด้วย เราท่านอุเบกขา ธรรมเขาไม่เป็นไร แต่ถ้าธรรมเขาอุเบกขา เราท่านก็ปิดโอกาสที่จะช่วยตนทันที
สุดท้าย หลวงพ่อนิพนธ์ยกคำสอนของแม่ชีเมี้ยน ที่ทรงตรัสว่า การหายโรค หรือเป็นโรค สำคัญไฉน ก็เพราะพระภูมีทรงตรัสรู้ว่า สิ่งนี้เป็นสมบัติที่ติดวิญญาณไปทุกภพทุกชาตินั่นเอง การหายหรือการมีโรค จึงไม่จบเพียงชาตินี้ ... ผลจักไปรอในภพหน้า จึงไม่ต้องแปลกใจ ทำไมเด็กเกิดมาปุ๊บ บอกมีเชื้อนั้นเชื้อนี้ติดมาด้วย ... อันเป็นต้นของคำว่า "กรรมพันธ์" นั่นเอง
ศาสน์เมตตา จะช่วยคนให้มากที่สุด จึงต้องอุเบกขาคนบางกลุ่ม ที่ขาดคุณสมบัติ คัดเฉพาะคนอยากได้ และทำได้ ... โอกาสมาแล้ว แต่มีครั้งเดียว