ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
มิสงสัยหรือ
คนเป็นพันล้านคนในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะอยู่สถานะอะไร มิมีใครสงสัยบ้างหรือ ทำไมต้อง เจ็บ แล้วตาย ไม่มีใครพ้น
เขาสอนว่า กินอาหารดี สะอาด ดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกาย จะห่างไกลจากโรค
แต่มิว่าทำสักฉันใด ทุกคนก็หนีไม่พ้น ทั้งๆที่ไม่มีใครอยากเจ็บ
นี่แหละทำไมเราท่านจึงควรไปหาศาสนา เพราะศาสนารู้ เหตุแห่งความเจ็บ ยิ่งไปกว่านั้น รู้หนทางที่จะทำให้เหนือมนุษย์นั่นคือ ไม่เจ็บได้ โลกนี้จึงต้องมีศาสนา ให้คนที่เบื่อเจ็บ เบื่อวัฐจักรอันนี้ ได้แก้ไข
มันก็จึงไม่แปลก ว่าสิ่งที่ศาสนาของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงเป็นคำสอนที่ คนทั้งโลกเขาไม่ทำกัน เดินย้อนนิสัย คนที่จะทำจึงไม่คุ้นชิน เลยกลายเป็นของยาก ผู้ใดทำได้ จึงเรียก มีการกระทำเหนือมนุษย์ ตามรอยพระภูมี สิ่งที่ได้จึงมีค่ามหาศาล นั่นคือ ไม่เจ็บแบบคนทั้งโลก ไม่เป็นไปตามวัฐจักรของโลก ยิ่งถ้าทำตนพ้นกิเลส พ้นโลก ไม่มีนิสัยโลกเหลืออยู่ จึงเรียกคนเหล่านั้นว่า คนเหนือโลก เช่น พระพุทธเจ้า พระอรหันต์
บทสรุป เราท่านเป็นไปตามโลก เพราะโลกเป็นไปตามกรรม เพราะคนทั้งหลาย ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า จึงไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง จึงไม่เชื่อว่า เจ็บหรือเป็นโรค นั่นกรรมเราท่านทำมา ด้วยพิจารณาสิ่งที่เกิดผิด สมมุติฐานผิด การแก้โดยยา การร้องขอพร พรมน้ำมนต์ พิธีกรรม มันจึงไม่เกิดผล เมื่อเจอศาสนาที่แท้จริง เขาจะสอน ให้แก้ที่เหตุ คือ “นิสัย” ที่เป็นต้นเรื่องของกรรม ของโลก ทำได้ก็ชนะกรรม ชนะโรคได้
รู้ความจริงนี้ จึงเข้าใจว่า ทำไมสมุนไพร จึงทานยาก ทำไมต้องยอม “ลงแดง” ทำไมต้องเปลี่ยนพฤติกรรม หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ นั่นใช้กรรมเก่า และไม่สร้างกรรมใหม่ ใครทำได้ โรคอะไรก็หายได้
แม่ชีเมี้ยนจึงสอนสงฆ์เสมอว่า “ จงพยายามน่ะ ขันติ และอดทน “
ใครที่บอกว่าแน่ มียารักษาโรค วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ คนผู้นั้นจะตกในวังวนคำสาป “หมองูตายเพราะงู”
ถ้าไม่เชื่อ ก็ถอยไปยืนดู รอดูพระพุทธเจ้าอุบัติในประเทศพม่า แล้วฟังคำสอนเหมือนที่แม่ชีเมี้ยนสอนไหม
คนมีปรารถนาโน่นนี่นั่น แต่เราอยากบอกว่า สิ่งที่ควรปรารถนาที่สุด คือ ได้อยู่ดูศาสนาพระอริยเจ้า ได้ฟัง ได้ทำตาม เพื่อสุขแห่งตน
ส่วนพวกเหลือบศาสนา ก็เตือนไว้ วันนี้ของจริงเขายังไม่ปรากฏ จะบรรเลงตามนิสัย ก็คงพอทน วันใดที่พระพุทธเจ้าอุบัติ แล้วลองผิด พุทธบัญญัติสิ เราท่านจะได้เห็น “ธรณีสูบ” เป็นเช่นไร นั่นแลบุญญาธิการของศาสนา ที่ครั้งอินเดีย เจอมาแล้ว