ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561
เรื่องน่าฉงน
ในโลกธุรกิจ เมื่อคนผู้หนึ่งทำกิจการใดๆ ย่อมต้องลองผิดลองถูกเป็นธรรมดา ผลแห่งการทำสิ่งใดผิด ทำแล้วขาดทุน หรือไม่มีกำไร ย่อมต้องปรับเปลี่ยนหนทางใหม่ ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะเจอหนทางที่ใช่ คือ มีกำไร อยู่ได้ เมื่อเจอแล้วคนทั้งหลายก็มักพยายามขยายกิจการนั้นๆ เพื่อพอกพูนกำไร เห็นจนชินตา
กว่าจะถึงวันนั้น เจอสิ่งที่ใช่ ย่อมสามารถนำมาเล่าขานให้คนรุ่นหลังได้ว่า ผ่านความยากลำบาก ล้มลุกกี่ครั้งกี่หน กว่าจะมีวันนี้ และก็คงไม่มีใครที่จะทิ้งหนทางทำกินที่ดี กลับไปเดินทางเก่าอย่างแน่นอน
เมื่อหันกลับมามอง กิจการชีวิต ก็คงไม่แตกต่างกัน ทุกคนอยากมีสุข มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยไข้ จนไม่สามารถช่วยตนหรือทำอะไรได้ ทุกตัวคน ทุกคนจึงหาหนทางให้กิจการชีวิตของตนมั่นคงที่สุด เท่าที่จะทำได้ อาทิ กินดี อยู่ดี ออกกำลังกาย ตรวจสุขภาพ หาซื้อโน่นนี่นั่นที่เขาว่าดีมีประโยชน์มาทาน หากแต่คนทั้งหลาย ก็ยากที่จะทำให้กิจการของตนประสพผล หนีเจ็บ หนีป่วย หนีทุกข์ไม่พ้น จะเอาสิ่งใดมาช่วยฟื้นกิจการ ยิ่งทุ่มยิ่งใส่ลงไป อาจจะยิ่งล้มเหลว ถึงกับฉิบหาย ครอบครัวเป็นหนี้ ก็มีให้เห็นมากมาย บางทีครอบครัวอาจต้องแตก หลายคนถูก ทอดทิ้ง บ้างทำใจไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย
คนกลุ่มหนึ่ง เลือกมาฟื้นฟูด้วยศาสตร์สมุนไพรของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ที่ซึ่งหลวงพ่อนิพนธ์ชี้หนทางในการฟื้นฟูกิจการชีวิตของตน สิ่งที่ทุกคนทำ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ แต่เพื่อชีวิตก็ทำตาม แลคนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดว่า ตนนั้นเสีย เสียเวลา เสียรายได้ เสียค่าเดินทาง เสียโน่นนี่นั่น อยู่ในใจเป็นธรรมดา
แต่เมื่อทำตาม ยืนระยะได้ เกิดผลตอบแทน กิจการของชีวิต ที่ตกอับถูกรุมเร้าด้วยโรคทั้งหลายทั้งปวง เริ่มคลี่คลาย บ้างก็หายไป
ความคิดถึงการสูญเสีย จะกลับมามีพลังแรงขึ้นเป็นทวีคูณ
หลวงพ่อนิพนธ์มักให้สติว่า ถ้าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเราท่านคือชีวิต การทำสิ่งใดตามคำสอนแล้วเกิดผลดีต่อชีวิต ก็ควรทำต่อไป รักษาไว้ หรือทำให้ดียิ่งขึ้น ชีวิตจะได้ ปลอดโรค และ ปลอดภัย
แต่สิ่งที่น่าฉงน หลายคนเมื่อทำตาม สภาพชีวิตดีขึ้น กลับทำตรงข้าม นั่นคือ ลดทอนการทำกิจกรรมความดีที่ช่วยตนลง หันกลับไปทุ่มเทกิจการ ที่ทำลายชีวิตอีกซะงั้น จึงไม่แปลก ที่เห็นบางคน มาแรกๆ อาการสาหัส บอกให้มาสองวัน ทั้งพฤหัสและอาทิตย์ ก็มาได้ แม้นจะบอกว่าให้ไปพักอยู่ที่สำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีเมี้ยนก็ยอม วันเวลาผ่านไป สภาพเริ่มดีขึ้น นั่นเจอหนทางที่ดี กิจการที่ทำแล้วชีวิตดีขึ้น แทนที่จะมุ่งมั่นทำ หรือรักษาไว้ เปล่าเลย ค่อยๆลดลง ห่างไปเรื่อยหรือทิ้งหน้าตาเฉย
บทสรุป นี่แหละเป็นบทพิสูจน์ ว่าคนทั้งหลายไม่เชื่อกรรม เขาจึงคิดว่า หายในวันนี้ กูก็กลับไปลั้นลาทำที่ตนอยาก หาเงิน หาทอง ไม่สนกิจการชีวิตอีก เพราะเชื่อว่าหายแล้วจะไม่มีอะไรมาแผ่วพานอีก ไม่ต้องมาทนสวดมนต์ ทนทำสุขให้ผู้อื่นอีก ไม่เชื่อว่าตนจะมีกรรมรออยู่อีก แต่รุ่นพี่ๆทั้งหลายก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ชีวิตตนหาใช่ดาวค้างฟ้าไม่ เป็นเพียงพลุส่องแสง วันใดที่ผลความดีที่ตนทำหมด พลุนั้นก็ร่วง ชีวิตตนก็อับเฉาอีก
เรื่องน่าฉงน จึงเป็นคำถาม ก็ไหนบอกว่าชีวิตสำคัญที่สุด เจอหนทางบุญ ทำแล้วช่วยตนได้ เจอะเจอกับตัว เกิดกับตัว แต่กลับไม่เอาไปใช้ ไม่อยากทำ ทิ้งหน้าตาเฉย นี่กรรมอะไรเล่า เบาปัญญา น่าใจหาย
ดูรึ เวลาไปกินเหล้า เมายา เล่นการพนัน ดูหนัง ดูละคร หรือเบียดเบียนผู้อื่น นั่นกรรมชัดๆ แต่เต็มใจ รื่นเริง บันเทิงใจ แต่พอจะมาทำธรรม โอยไม่ไหว นั่งนานไม่ได้ ไม่มีแรง บอกเพลีย จะปลอกมะกรูดลูก ให้ผู้อื่นยังไม่ได้เลย ไม่ไหว. ฉงนยิ่งนัก ไหนบอกอยากสุข ทางสุขที่แม่ชีเมี้ยนชี้ ไม่เอา ไม่ทำ แล้วจะสุขโดยวิธีใด นั่งร้องขอพร ขอสุข แล้วจะได้กระนั้นหรือ ไม่มีทาง
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอ “ถ้าแผ่นดินนี้ช่วยไม่ได้ ก็ไม่มีแผ่นดินใด ยาใด พรใด ช่วยท่านได้อย่างแน่นอน”