ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561
กูทำแล้วกูต้องได้
หลายคนเชื่อว่า เมื่อตนเองทำสิ่งใด ย่อมต้องได้ผลตอบแทน และที่ไปไกลกว่านั้นคือ ผลต้องเป็นตามที่ตนคิดตนหวังอย่างแน่นอน จึงไม่ต้องแปลกใจ ทุกแห่งทุกหน เช้าๆก็เห็นคนใส่บาตร กรวดน้ำ ไปไหนก็เห็นตู้บริจาค แลก็มีคนบริจาคกันมากมาย แล้วภาพชินตา ก็คือ จบแล้วจบอีก ขอนั่นขอนี่ และคิดว่าต้องได้ตามที่ตนทำ ตนหวัง
แต่ไม่เคยมีใครสงสัย มีใครถาม ว่าพ่อแม่เรา ปู่ย่าตายายเราที่ทำมาก่อนหน้านั้น หลายคนทำมาแต่เล็กแต่น้อย. แล้วทำไมวาระสุดท้ายที่เห็น ไม่น่าดูเลย อมทุกข์ อมโรค นานปี กว่าจะเสีย ช่างน่าขัดกับพฤติกรรมที่ทำนัก จนหลายคนอดคิดไม่ได้ว่าทำดีไม่ได้ดี
ย้อนยุคถ้ำกระบอก มีโยมคนหนึ่งนำข้าวสารมาถวาย 5 กระสอบ ท่านตรัสกับสงฆ์ว่า ท่านใดทำที่ปรารถนาของเจ้าของได้ก็นำไปทานได้ เมื่อถามว่าเจ้าของข้าวปรารถนาอะไร ท่านตอบว่า เขาขอรางวัลที่ 1 ข้าวเหล่านั้นจึงไม่มีองค์ไหนกล้านำไปทาน
แปลว่าอะไร หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้พิจารณา ว่าผลของสิ่งที่ทำขึ้นกับผู้แปรไข หรือ ผู้ที่รับ เป็นสำคัญ ว่านำสิ่งนั้นไปทำอะไร เกิดประโยชน์มากน้อยเพียงใด. อุปมา ข้าวของโยม บอกว่าถวายพระ แล้วผลที่จะได้ ถ้าพระนั้นฉันแล้วไปช่วยคน สอนธรรมให้คนเป็นคนดี ผลที่คืนมาก็มหาศาล หากฉันแล้ว ไปใบ้หวย ทำตะกรุดผ้ายันต์ หลอกคนทั่วไปคิดเอา ว่าผลที่ย้อนมาจะได้อะไร เพราะทำให้คนหลงงมงาย ในสิ่งที่ไม่เป็นแก่นสาร
บทสรุป ฉะนั้น แม้นการกระทำแลเจตนาจะดี หากจะหวังผลต้องดูผลของการกระทำนั้นๆด้วย จึงต้องเลือกว่าจะทำกับใคร ไม่ใช่ใครก็ได้ แล้วเหมาเอาว่า ทำแล้วตนต้องได้ ก็ย้อนดูพุทธประวัติ พระภูมียังต้องเลือกบุรุษที่สามารถฝึกได้ มิฉะนั้นคำสอนของท่านก็จะเสียผลได้
ก็แล้วมูลนิธิเล่า จะเอ่ยอ้าง สมุนไพรดี ช่วยได้ทุกคน ย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านอาสิ จึงชี้ว่า เฉพาะคนที่ฟัง พิจารณา เชื่อแล้วทำตาม ก็ถ้าคนมาแล้วไม่ทำ การชวนคนมาช่วยเก็บใบยา ทำยา เอามะกรูด มะนาว มะพร้าว จะหวังผลอะไรเป็นแก่นสาร หรือช่วยตน ย่อมไม่มีหรือมีน้อย