ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ร้อน
ภาพหนังผีของไทย ที่คุ้นตามาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือ การสาดสิ่งของ หรือขว้าง หรือ แสดง ที่คิดว่ามีอาคม มีความศักดิ์สิทธิ์ใส่ผี
ผลก็คือ สิ่งใดที่เป็นของปลอม หรือ ไม่ดีจริง ผีก็ไม่กลัว หากแม้นสิ่งนั้นเป็นของดีจริง มีฤทธิ์จริง ผีก็ร้อน และท้ายที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้หนีไป เห็นกันจนชินตา
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ภาพนี้ให้ดูเสมอเพื่อเป็นสติ ว่าคนทั้งหลายทั้งปวงดิ้นรนหาวิธีการ ให้หายโรค ไปที่ใด เจอแต่ของปลอม ผลก็คือ ผีร้ายหรือโรค ไม่เคยเกรงกลัว ไม่เพียงไม่หายไป แต่บางทีอาจกลับพาพวกมารุมกินโต๊ะเสียอี ก นั่นคือ จากหนึ่งโรค เป็นสอง สาม สี่...
ประการสำคัญคือ เมื่อผีมันไม่กลัว มันก็ไม่แสดงอาการดิ้นรน ไม่ร้อนรน จนทำให้คนทั้งหลาย คิดไปเอง เออเอง ว่า การกระทำของตนนั้นถูกต้อง ชอบอกชอบใจ ถูกจริต ด้วยไม่มีอาการปรากฎในวันนี้นั่นเอง
นั่นคือหายนะของชีวิต เพราะกว่าจะรู้ตัว ว่าสิ่งที่ทำมันช่วยตนไม่ได้ อาการปรากฎ ด้วยโรคนั้นสุกงอม แก่ และใกล้ตาย แต่มิได้โดยลำพัง เอาชีวิตของเราท่านที่เป็นโรคนั้น ตายไปด้วย ก็สายเกินกว่าจะเยียวยาเสียแล้ว
ครั้นพอมีวาสนามาเจอศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เจอของจริง ผีก็ย่อมต้องกลัวเป็นของธรรมดา ผลก็คือ ย่อมจะแสดงฤทธิ์แสดงเดช เพื่อให้เราท่านไปจากที่นี่ จะด้วยวิธีใดก็ตาม แลที่มักจะเห็นเป็นประจำ ก็คือ การเกิดอาการ หากคนไหนทนอาการได้ ก็ใช้ความคิดเห็น ทิฐิ ไม่ชอบเจ้าหน้าที่คนนี้ ไม่ชอบคนนั้น รอไม่ไหว ทนอากาศร้อนไม่ไหว ไม่ชอบคนเยอะ นานาจิตตัง แล้วก็พาตัวไปไกลจากศาสนาของพระภูมี เข้าล็อคของผี คือ กรรม
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้หนทางแลกันไว้ ก็ด้วยการพูดทำความเข้าใจ แลให้รีบสร้างนิสัยธรรม อันจักทำให้เกิดความเย็น จิตใจสงบ ไม่รุ่มร้อนไปตามอาการ สภาวะแวดล้อม ที่ตนไม่ชอบด้วยกรรมของตนทำมา ย้อมมาทำลายตน
นี่แลทำไมเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนาคือความสงบ เพราะต่างคน ต่างนิสัย ต่างสันดาน ต่างความคิด แลมักเห็นผู้อื่นผิด ถ้ามาอยู่รวมกัน แล้วไม่ลดกิริยาลง ย่อมเลี่ยงการกระทบกระทั่ง ด้วยนิสัยแห่งตน ได้ยาก ก็มักจะเป็นเหตุซึ่งกันและกัน ผลก็คือ แทนที่จะมาหาบุญในแผ่นดินของศาสนา กลายมาเป็นสร้างบาป ทำลายผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นไม่สามารถช่วยตนได้ ต้องกระเด็นกลับไปในสายกรรม
แม่ชีเมี้ยนจึงมักตรัสสอนสงฆ์ว่า แผ่นดินของศาสนา "ทำถูกผลบุญก็มหาศาล ทำผิดก็บาปมหันต์ทวีคูณ" การกระทำทุกสิ่งอย่าง จึงต้องมีสติ ด้วยผลแห่งการกระทำนั้น มีผลต่อชีวิตสรรพสัตว์มากมายนั่นเอง
เอาแค่ห้องสวดมนต์ หลวงพ่อนิพนธ์เคยสอนเรา เมื่อมีอาการ ไอ จาม ในขณะที่ท่านเทศน์สอนว่า หากปล่อยตามนิสัย ไม่ระวังระไว เสียงของการไอจามของเรา อาจไปทำให้คนอื่น พลาดที่จะได้ยินประโยคสำคัญที่เมื่อนำไปทำแล้วช่วยชีวิตตนได้ นั่นก็เท่ากับ เสียง ไอ จาม ของเรานั้น ได้ฆ่ามนุษย์ไปแล้วนั่นเอง จะปฏิเสธสักฉันใด ก็คงไม่ได้ หากเราลดกิริยา ไม่ทำให้เกิดเสียงดัง คนผู้นั้น ได้ยิน ได้ฟัง แล้วเอาไปทำช่วยตนได้ ก็ย่อมเป็นอานิสงฆ์เกิดจากเราเช่นกัน ความสงบ ที่ดูแล้วไม่มีอะไร ก็แค่เงียบ จึงย้อนกลับมาให้สุข ให้เราหายโรคได้ ยิ่งถ้ามีสักคนในการฟังนั้น สามารถทำตนจนเป็นคนดี หรือเปลี่ยนตนเป็นสงฆ์ แลเป็นสงฆ์ที่ดีด้วยแล้ว เหมือนถูกหวยเบอร์ใหญ่
บทสรุป คนทั้งหลาย เมื่อมีกรรมเป็นนาย จึงมักพ่ายแพ้ ความคิด ความเห็น ความจำเป็น แก่ตน แล้วก็พาตนออกจากศาสนา กลับไปอยู่ใต้กรรม คนเหล่านั้น ยิ่งมาก็ยิ่งร้อน ทำไมไม่หายสักที ทำไมให้แค่นี้ รู้ไหมเสียค่ารถ ค่าอะไรต้องเท่าไหร่ ทำไมเจ้าหน้าที่พูดจาหมาไม่แดก ไร้มารยาท โทษโน่นนี่นั่น ไม่เคยพิจารณาเลยว่า นั่นกรรมเราทำมา มันย้อมมาหาตน มาเป็นมารให้ตนไกลศาสนา คนที่จะประสพความสำเร็จ จึงต้องเอาเหตุ เอาผล ฟัง พิจารณา เชื่อ แล้วทำตาม ก็จะไม่ร้อนรน สงบนิ่ง ใช้ขันติอดทน จึงไม่แปลกที่หลวงพ่อนิพนธ์มักกล่าวว่า ใครทำได้ พฤติกรรมย่อมเหนือมนุษย์ เขาจึงได้อภิสิทธิ์เหนือมนุษย์ หายโรค ที่คนทั้งโลกไม่หายได้
การหายจึงไม่ใช่ด้วยอ้อนวอนร้องขอ สมุนไพรดี แต่แลกมาด้วยความ ขันติ อดทน ความเพียรอันมหาศาล ในการฝืนนิสัย พฤติกรรมแห่งตน ที่มีมาในอดีต มาอยู่ในรอยของพระภูมีต่างหาก นี่แล หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า คนที่จะพบปาฏิหารย์หรือไม่ จึงข้ึ้นอยู่กับคุณสมบัติ พฤติกรรม ที่ตนทำ ทำถูกผลถูกจึงสนอง ไม่ใช่ด้วยสมุนไพรดี หากทำผิด พฤติกรรมไม่เปลี่ยน ทานสักฉันใด ก็เสมือนทานน้ำ ผ่านมาก็ผ่านไป จะหวังช่วยชีวิตตนให้พ้นโรคนั้นยากยิ่ง แม้นจักได้ หายโรคนี้ ... เป็นโรคนั้น ... หรือแม้นกระทั่งอุบัติภัยก็ย่อมได้
วินัยของศาสนา แม่ชีเมี้ยนจึงอุปมาเสมือนตระแกรงร่อน ตักดินขื้นมา ร่อนไปร่อนมา เหลือทองติดตะแกรงน้อยเดียว ฉันใดก็ฉันนั้น แลสิ่งที่ได้ก็มีค่านัก คุ้มกับความเหนื่อย ความล้า ที่ลงทุนมิใช่หรือ
มาเป็นร้อยเป็นพัน หายสักห้าคนสิบคน ก็คุ้มแล้ว เพราะนั่นเป็นเครื่องชี้ว่า ศาสตร์นี้มีผลจริง ทำได้ ก็ช่วยตนได้ หรือที่หลวงพ่อนิพนธ์มักพูดบ่อยๆ คือคนทำได้ จึงสมควรได้ของกายสิทธิ์ ได้สัมผัสปาฏิหารย์ เพราะเป็นคนมีปัญญา ขันติ อดทน เป็นปราชญ์