หลายคนเรียนรู้ตั้งแต่เด็ก สะสมประสพการณ์ชีวิต เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่ตน สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล
แล้วหลายคนก็คิดว่านั่นคือความมั่นคงของชีวิต ที่สามารถเลี้ยงครอบครัว ช่วยเหลือผู้อื่นตามสมควร เป็นจุดที่หลายคนคิดว่า ตนนั้นประสพความสำเร็จในชีวิต และจะมีชีวิตที่สุขสบาย
แล้ววันหนึ่ง เมื่อสัจธรรมความเป็นจริงปรากฎ การที่ชีวิตประสพความสำเร็จ มีคุณค่าต่อตน ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ ต่อโลก มากมายสักเพียงไหนก็ตามที แต่คุณค่าเหล่านั้น กลับไม่มีความหมายต่อวิญญาณของตนเลยสักน้อยนิด
ดังวลีสุดคลาสสิคของ สตีฟ จอบส์ ที่กล่าวว่า "เชื่อมาตลอดชีวิตว่าตนประสพความสำเร็จมากมาย สามารถมีทรัพย์สิน มีชื่อเสียง ระดับโลก แต่สุดท้ายสุด กลับพบว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดที่ตนอยากได้ กลับกลายเป็นการมีสุขภาพที่ดีต่างหาก"
ดังนั้น สิ่งที่มนุษย์ทุกคนควรหันกลับมามอง ว่าสิ่งที่ตนทำนั้น มีความหมายต่อวิญญาณตน สักฉันใด เป็นสำคัญ เพื่อให้วิญญาณที่เป็นที่รับความรู้สึก "สุขหรือทุกข์" อันเป็นสิ่งที่ตนต้องรับผิดชอบ หาใช่คุณค่าภายนอกแต่เพียงประการเดียวไม่
และนี่แหละทำไมต้องมีศาสนา ก็เพื่อมาเรียนรู้ที่จะทำสิ่งที่มีความหมายต่อวิญญาณของตนนั่นเอง
บทสรุป แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่เราท่านทั้งหลายทำ จะรู้ผลก็ตอนตายนั่นเอง แลจะเห็นศาสนาก็เมื่อเวลาตายนั่นเอง เพราะกว่าจะรู้ว่าการกระทำของตนที่ทำมาตลอดชีวิต ไม่มีความหมายแก่ตนเลย จึงเรียกร้องหาศาสนาช่วย อ้างว่า ทำไมเราไหว้พระพุทธมาตลอดชีวิต ทำไมไม่เห็นมาช่วยเราเลย แม้นแต่จะหันมามองสักน้อยนิด นี่ก็เพราะเราไหว้เขาไม่ถูกต้องในร่องธรรม การกระทำจึงไม่มีความหมายแก่ตนเลย
ตอนนี้ ท่านอาสิจะพูดสักฉันใด จะหาคนไปหาธรรมคำสอนจากผู้ปฏิบัติมาช่วยตน ก็ยากยิ่ง มุ่งแต่หาคุณค่าของตนในทางโลก หาเวลาน้อยนิดให้ตน ไปเรียนรู้ศาสนา แล้วทำช่วยตนก็ยากยิ่ง ครั้นเวลาที่ต้องพึ่งสิ่งที่ตนทำแล้วมีความหมายต่อวิญญาณตน ก็ทำไม่ได้แล้ว ด้วยสภาพของตนไม่พร้อมแล้วนั่นเอง
อย่าให้ได้ยินแบบนี้เยอะๆเลย ที่คนป่วยหลายคน ตอนที่สภาพยังพร้อม บอกไม่มีเวลา แต่ครั้นสภาพที่ทำช่วยตนไม่ได้ ก็รำพึงว่า "รู้งี้ ยอมทานมื้อเดียวดีกว่า"
หลวงพ่อนิพนธ์ มักให้สติเตือนเสมอว่า "อย่าลืมว่า สังขารนั้นเรายืมเขามา สักวันก็ต้องคืน แต่วิญญาณเป็นของเรา ติดตามไปทุกภพทุกชาติ เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องรับผิดชอบ การกระทำของเราจึงต้องคำนึงเสมอว่า มีความหมายต่อวิญาณหรือไม่ เพราะจะทุกข์จะสุข วิญญาณนั้นเป็นผู้รับ"