ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561
เลือกเอา
ได้ฟังสมาชิกจับกลุ่มคุยกัน คนเล่าเป็นผู้หญิงป่วยเป็นมะเร็งมดลูก กล่าวถึงอาการของตนว่า เจอฝนเหมือนเจอผี ต้องรีบหลบ เพราะเจอละอองฝนคราใด มดลูกจะมีอาการเจ็บจิ๊ด ยิ่งไปกว่านั้นมีอาการปอดรั้วอีกต่างหาก คือมีลมออก จนได้ยินและรู้สึกได้ แถมอาการปวดกระดูกสันหลัง อีกต่างหาก
ทานสมุนไพรมาหลายปี และการมาก็มากันหลายคน คนหนึ่งเป็นผู้ชายสูงอายุ เป็นมะเร็งเหมือนกัน ผ่านมาหลายปี เพิ่งเสียชีวิตไปไม่นาน โดยก่อนตาย ลูกและภรรยาดูอาการไม่ค่อยดี ก็เรียกรถพยาบาลมารับ แต่พ่อกล่าวกับลูกและภรรยา "ไหนสัญญากันแล้วไง ว่าไม่ว่าอะไรเกิด จะไม่พาไปโรงพยาบาล" ในที่สุดพ่อก็เสียไป ด้วยหมดอายุขัย สั่งเสียแล้วก็หลับไป จนลูกและภรรยากล่าวว่า ไม่เคยเห็นใครตายดีแบบนี้เลย อยากตายแบบนี้บ้าง
อีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง เป็นมะเร็งเช่นกัน มาด้วยกันปีกว่า จนมีอาการดีขึ้น วันหนึ่งก็บอกกับผู้หญิงคนนี้ว่า มีคนมาแนะนำอาหารเสริม แล้วเขาก็ซื้อมาทาน กล่องหนึ่งประมาณสี่พัน หลังจากทานได้สองสามเดือน อาการของเขาก็ดีวันดีคืน ผู้หญิงนั้นก็บอกกับเขาว่า จะเลิกทานสมุนไพรแล้ว เพราะทานอาหารเสริมแล้วดีขึ้นมากเลย
ผ่านมาหลายเดือน ผู้หญิงคนนั้น ก็กลับมาบอกเธอว่า ตอนนี้อาหารเริ่มหวนกลับมาแล้ว อยากจะกลับมาทานสมุนไพรอีกครั้ง กระนั้นก็ตาม หลังการกลับมาทานสมุนไพร ร่างกายเขาไม่เคยกลับไปดีเหมือนครั้งแรกอีกเลย และในที่สุด ก็จากไป
และเพื่อนอีกคนหนึ่ง ก็บอกเขาว่า จะเปลี่ยนไปรับยาจากหมอชื่อดังในเวลานี้ แล้วก็มาชวนเขาไปด้วย เขาก็ตอบว่า เขาไม่ไปหรอก นับตั้งแต่มาทานสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน ถึงจะยังไม่หาย แต่อาการต่างๆก็ดีขึ้น ปวดกระดูกเดินไม่ค่อยได้ ตอนนี้ก็ดีขึ้น กลับไปทำงานได้ อาการมดลูก และการรั้วของปอด ก็ไม่เหลือแล้ว เขาคิดว่า สมุนไพรจะค่อยๆปรับสมดุลย์ในตัวเขา ถึงแม้นจะช้าหน่อย ก็ไม่เป็นไร เขารับได้
บทสรุป ความหลากหลายของจุดจบ ที่คนเหล่านั้นประสพ เสียดาย กลับมาเล่าให้คนที่ยังอยู่ฟังไม่ได้ ดังนั้น ทุกคนก็ยังต้องเลือกทางของตนเอง หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า วัดกันที่ตอนตาย จะตายดีเหมือนลุงท่านนั้น ที่หลายคนอิจฉา หรือจะตายแบบใดก็เลือกเอา หากแม้นยังอยู่ ก็อยู่อย่างรู้ว่า สิ่งที่ทำมีผลกับตนเช่นไร และตนควรทำตนอย่างไรเพื่อช่วยตน
พรหมลิขิต มิใช่ฟ้าดินกำหนด หากแต่เป็นตัวเราท่านเองนั่นแหละที่กำหนด แม้นเกิดเลือกไม่ได้ เพราะมันเป็นอดีต แต่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า เราท่านมีสิทธิ์เลือกที่จะตายได้ อยากได้แบบไหน เลือกที่จะไม่เจ็บได้ หากเชื่อในธรรมคำสอนของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา พิจารณา แล้วทำ
จะทำหรือไม่ ไม่มีใครบังคับ จะรู้ว่าสิ่งที่ทำมีความหมายเพียงใด ก็ต่อเมื่อถึงวันตายนั่นแล แล้วจะได้รู้ว่า มิเพียงเลือกตาย แถมยังเลือกเกิดได้อีก แค่ตอนตาย คนทั้งหลายก็อิจฉาอย่ากเอาอย่างแล้ว ยิ่งหากได้รู้ว่า ทำตามพระภูมี เลือกเกิดได้อีกต่างหาก คนทั้งหลายยิ่งเสียดาย ที่ตนตาย โดยไม่ได้ทำ เสียดายวันเวลาที่ผ่าน การกระทำของตน ไม่มีความหมายต่อวิญญาณเลย
แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสว่า ศาสนามีความสำคัญ เพราะเมื่อทำแล้ว มีความหมายต่อวิญญาณ คนที่อยากทำ อยากได้ เขาจึงต้องเห็นว่า "สุขของวิญญาณ นั้นสำคัญกว่าสุขของกายยิ่งนัก เขาจึงยอมทุกข์กับวินัยของพระภูมี " และท้ายที่สุดคนผู้นั้นจะพบกับความจริงที่ว่า "เมื่อวิญญาณอยู่สูง กายก็จักสูงตาม สุขใดจะเปรียบกับสุขนิสัยไม่มีเลย"
ศาสนาจึงไม่บังคับ ไม่กะเกณฑ์ จึงเป็นทางสายกลาง วางไว้ อยากได้ต้องทำเอง
เมื่อผลปรากฎ ถ้าไม่รอด ไม่สมปรารถนา ก็อย่าโทษสิ่งใด อย่าโทษพระภูมีไม่ช่วย เพราะนี่คือบัญญัติฟ้าดิน คือหลัก "ตนพึ่งตน" ใครก็ช่วยใครไม่ได้ ทำสิ่งใด ได้สิ่งนั้น