ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ก็ต้องเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งในการทำตลอดเวลา นั่นคือ ดี หรือ ชั่ว
เรื่องของศาสนา เป็นส่วนเกิน ผู้ปรารถนาก็เป็นธรรมดา คือผู้ที่ประสพกับทุกข์ ถ้าเขาสุข อยู่ในกรรมดี หรือไม่ทุกข์กับกรรมชั่วจนเกินไป จะหาคนมองศาสนานั้นยากยิ่ง
เพราะศาสตร์ของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมาหลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า มันเป็นหลักลด คือ ลดกิริยา ลดนิสัย เดิมของตนลง ฝืนความรู้สึกตน คนจึงไม่ชอบ ไม่อยากทำ เป็นธรรมดา
หากแต่สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ ให้พิจารณา ผลที่เกิดในวันนี้ เป็นโรค เป็นทุกข์ พูดฟังง่าย ก็คือ มีหนี้กรรม หนี้เวร เจ้าหนี้เขาตามทัน มาทวงแล้วนั่นเอง
ก็แล้วหนทางพ้นทุกข์ คือสิ่งที่ควรเลือกกระทำเพื่อช่วยตน จะมาเอาสร้างหนี้เพิ่มเติม เบียดเบียนผู้อื่นจนเกินไป จะเป็นไปได้หรือ นี่แลทำไมหลักพระภูมี จึงต้องเป็น “หลักมาทำให้ ไม่ใช่มาเอาถ่ายเดียว”
หนี้เก่ายังไม่ใช้ หนี้ใหม่สร้างเพิ่ม ไม่หยุดนิสัยสร้างหนี้ ไม่ต้องหมอดูที่ไหน ก็เดาออกว่า แพ้ตั้งแต่ในมุ้ง นี่แหละทำไมไม่หายโรค
บทสรุป ไม่เชื่อหรือว่า กรรมมีจริง ถ้าบุคคลใดเชื่อ หลวงพ่อนิพนธ์ ก็ชี้ว่าหายโรคง่ายนิดเดียว ทำรอยมือรอยตีน ที่ให้สุขแก่ผู้อื่นไว้สิ มาเอามาใช้ ก็ยังพอเหลือกลับไว้ช่วยตน ก็นิสัยเดิม มันนิสัยกรรม สร้างทุกข์เกิดกับตนแล้ว ณ บัดนี้ ทำไมยังเลือกยืนข้างนิสัยเดิม ก้าวข้ามมาฝั่งนิสัยพระภูมี บางสิ่งบางอย่าง ทำได้ โรคอะไรก็ไม่น่ากลัว
อย่าฝันลมๆแล้งๆ นั่งขอพระภูมีช่วยด้วย โดยไม่มีตัวกระทำทำตามคำสอน หางตาท่านยังไม่มองเลย หายเพื่อ ไปทำนิสัยเดิมสร้างทุกข์ให้ผู้อื่นต่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงไม่ตาถั่วหลับหูหลับตาช่วยหรอก
ถ้าไม่มีแม่ชีเมี้ยน เราท่านก็มิรู้ได้ว่าจะพ้นทุกข์ที่มีโดยวิธีใด ทำอย่างไรจึงมีผลต่อวิญญาณ คุณอันนี้มหาศาลยิ่งนัก มิฉะนั้น ก็เหมือนคนทั่วไป มุ่งมั่นทำ ด้วยคิดว่าวิญญาณของตนนั้นจะอยู่สูง รู้อีกทีตอนตาย สิ่งที่ตนทำไม่มีความหมาย ช่วยตนสักนิดก็ไม่ได้ จะบอกกับใคร ก็ไร้ผล ได้แต่วอนให้มีใครช่วยไปบอกลูกหลานว่า “อย่าทำเลย”
นี่แลหลักปราชญ์ สอนให้คิดพิจารณาก่อน แล้วจึงทำ