ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561
หลายใจ
คนมากหลายที่ไม่ประสพผลในการช่วยตน แม้นจะมีวาสนามาพานพบศาสตร์พระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมาก็ตามที
แม่ชีเมี้ยนทรงชี้อุปสรรคใหญ่ประการหนึ่งของนิสัยคนไทย นั่นคือ “หลายใจ”
ผลของการมีนิสัยนี้ ย่อมทำให้คนผู้นั้น มีพฤติกรรม “น้ำใสไหนไหลมา ก็ไปกับน้ำนั้น”
หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า ด้วยนิสัยนี้ อะไรที่ไหนใครว่าดี เอาหมด ทำตนเสมือนคนเหยียบเรือสองแคม ในทางโลกหรือสังคม อาจเป็นการลดความเสี่ยง แต่ในทางธรรม กลับทำให้ชีวิตตกในความเสี่ยงที่รุนแรงสูง
มองภาพให้ชัด ท่านอุปมาว่าคนผู้หนึ่ง ฟังเขาว่าพระองค์ไหนดี ก็หามาไว้คล้องคอ บังเอิญในคอมีแค่องค์เดียว ที่ช่วยตนได้ ตนไม่เคยพิจารณา ก็ไม่รู้ว่าองค์ไหนที่ช่วยตน วันหนึ่งยามขับขัน เกิดภัยร้ายแรง สร้อยและพระหลุดกระจาย เลือกคว้าได้องค์เดียว ที่จะมาช่วยตน ตนไม่รู้คว้าผิด ชีวิตก็ดับสูญ
นี่แหละนิยายชีวิตคนไทย ที่แม่ชีเมี้ยนอุปมาไว้ ยามดีก็ประมาท ขาดพิจารณา ไม่หาว่าสิ่งใดที่ช่วยตนได้จริง อะไรเขาว่าดีก็ไปหมดเอาหมด เมื่อกรรมมาทุกข์เกิด โรคปรากฎ ก็พาตนวิ่งโร่ไปในสิ่งที่ตนยึดถือ องค์นั้นที องค์นี้ที กว่าจะรู้ว่าคว้าผิด ชีวิตก็อัปปาง รู้ว่าสิ่งนั้นช่วยตนไม่ได้ก็สายเสียแล้ว
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนให้พิจารณา เลือกทีละอย่าง พิสูจน์ให้เห็นว่าช่วยตนได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ทิ้งไปเลือกใหม่ ชอบเจ้าเลือกเจ้าก่อน เจ้าช่วยไม่ได้ เปลี่ยนไปเลือกหมอ หมอช่วยไม่ได้เลือกพิธีกรรม ทำไปเรื่อยอันไหนช่วยได้จริง เลือกองค์เดียวไว้ในคอ ยามคับขันจะได้คว้าช่วยตนได้
บทสรุป เห็นพฤติกรรมคนไทยน่าใจหาย หมอสมัยใหม่ก็เอา สมุนไพรแม่ชีเมี้ยนก็จะเอา เป็นมะเร็งหมอแสงกำลังดังกูก็เอา เขาว่าต้องสะเดาะเคราะห์ก็ไป เอามาคล้องเต็มคอไปหมด ถึงวิกฤติจะคว้าถูกหรือ จึงไม่แปลก ทีสถิติคนตายเพิ่มตลอด ตายไปก็กลับมาบอกลูกหลานไม่ได้ว่า สิ่งไหนช่วยไม่ได้ อย่าไปเชื่อ อย่าไปเสียเวลา
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า “คนหลายใจ ไม่ควรเล่นของกายสิทธิ์ ถึงมี ถึงเจอ ก็เข้าไม่ถึง รักษาของดีไว้ไม่ได้”