วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

คนละขั้ว


คำว่า ธรรม มักจะมีความหมายซ่อนอยู่ประการหนึ่ง คือ หมายถึง ธรรมชาติ

ธรรมหมวดสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา พิจารณาเล่นๆ ก็จะเห็นความลึกซึ้ง และอิงแอบธรรมชาติ

แค่บทเริ่ม หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวเปรียบเทียบให้เห็นว่า ไม่ว่ายาเคมี เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากปัจจัยสี่ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ร่างกายไม่ตอบรับ เป็นประการแรก

ผลก็คือ หากจะใช้วิธีการนี้ ก็ต้องอาศัยการบังคับร่างกาย ที่มีฤทธิ์แทรกซึมช่วย ที่เรียกกันว่า สารนำร่อง และสารที่ว่า ก็ต้องมีพื้นฐานมาจากสารหนัก ที่ซึ่งมีคุณสมบัติดังกล่าว

แลด้วยความเป็นสารหนักนี้เอง ร่างกายก็มีขีดจำกัดในการขับออก ดังนั้น การใช้ยาเคมี จึงมีข้อจำกัด ที่เรียกว่าปริมาณที่ร่างกายรับได้ การทานเกิน จึงส่งผลต่อร่างกายมหาศาล

หากจะไปใช้ช่องทางสมุนไพร ที่มีกันดาษดื่น โฆษณาสรรพคุณกันมากหลาย หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้พิจารณา ว่า จะหาคนรู้สัดส่วนที่เหมาะสม แค่สูตรเดียว ใช้เวลาชั่วชีวิต อาจยังไม่พบเลย

ตัวอย่างที่เห็นชัด ไม่ต้องสมุนไพรที่ไกลตัว แค่ขิง ที่มีอยู่ในทุกครัวเรือน นักวิทยาศาสตร์ และนักสมุนไพร รู้กันดีว่า มีสารไล่ลม ที่เป็นประโยชน์ในการรักษาโรคลม ได้ดียิ่ง แต่ที่ทำได้ ก็แค่ต้มน้ำขิง เท่านั้นเอง

ความลับของจักรวาล ที่พระภูมีตรัสรู้ ทำให้เราท่านได้รู้ว่า ไม่มีสมุนไพรตัวใดตัวหนึ่ง จะทำหน้าที่ได้ด้วยตัวของมันเอง นั่นคือ จะใช้ได้ ก็ต้องจับแต่งงานกับสมุนไพรชนิดอื่น

ถามว่าทำไม ก็เพื่อให้ร่างกายสามารถรับไปใช้ได้นั่นเอง มิฉะนั้น ธรรมชาติร่างกายก็จะปฏิเสธสารเหล่านี้ ขับออกจนหมดสิ้น

อ.อร่าม มักยกตัวอย่าง ยาไพลสด ที่ปกติทั่วไป ทำได้แค่เพียงเป็นสมุนไพรใช้ภายนอก หากแต่ไพลมีสารที่ร่างกายต้องการเป็นอย่างยิ่ง หากเราท่านทานไพลเข้าไป ไม่เพียงไม่มีประโยชน์ ร่างกายจะขับออก ถ่ายแทบไม่ทัน แต่เมื่อจับแต่งงานกับชนิดอื่น กลายเป็นสมุนไพรไพลสด มีสรรพคุณ ช่วยขับไล่สารพิษ หรือสารเคมีที่ตกค้าง หรือที่ อ.อร่าม เรียกว่า ดีทอกซ์ ทั้งตัว ได้อย่างน่าอัศจรรย์

หากพิจาณาในแนวคิด ด้วยความที่ทางการแพทย์จนปัญญาในการรักษา หรือ แก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ได้ ดังนั้น แนวความคิดในการรักษาโรค จึงเรียกว่าอยู่ในแนวทางค้นหา สารเคมี ที่มีคุณสมบัติ แบบหนังจีนเรียกว่า เดินหน้าฆ่าลูกเดียว

ตีกรอบให้แคบลง พิจารณาจากคนเป็นมะเร็ง ไม่ว่า ฉายรังสี คีโม หรือกระบวนการอื่นใด ไม่มียาที่ยับยั้งระงับการเจริญเติบโตของมะเร็ง หรือ ทำให้มะเร็งลดลงได้เลย แต่การลดลงหรือยับยั้ง ใช้กระบวนการฆ่าเซลล์มะเร็งให้ตาย แบบระเบิดปูพรม นาปาล์ม สมัยเวียตนาม ยังไงยังงั้น หากทำลายแล้วยังหยุดไม่ได้ ก็เล่นง่าย ตัดทิ้งหนีปัญหาไปเลย

หากแต่แนวทางธรรมชาติ พระภูมีทรงตรัสรู้วัฐจักร เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ใช้สมุนไพรดำเนินกระบวนการนี้ตามธรรมชาติ ในการฟื้นฟูรักษามะเร็ง

มะเร็งเป็นเซลล์ จะกลายเป็นเนื้อร้าย ก็ต่อเมื่อเกิดความเครียด ก็ใช้การปรับเปลี่ยนนิสัย ควบคุมอารมณ์ แก้ไข อาทิเช่น ความโกรธ ความเครียด ร่างกายจะหลั่งกรด ทำให้เซลล์มะเร็งเครียด กลายเป็นเนื้อร้าย เมื่อควบคุมอารมณ์ได้ สภาวะที่จะก่อให้เกิดเนื้อร้ายก็ไม่มี ก็จะไม่กลายเป็นเนื้อร้าย หรือแตกตัวเพิ่มขึ้นผิดปกติ ถึงเวลาก็สลายตายไปตามวัฐจักร ประการหนึ่ง

ในขณะเซลล์ที่เป็นเนื้อร้ายแล้ว ก็ใช้สมุนไพร ไปก่อให้เกิดกระบวนการเร่งโต นั่นคือ ใช้ไฟธาตู เสมือนบ่มมะม่วง เซลล์ ก็จะเกิดสภาวะที่อึดอัด ไม่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต เหมือนคนเราอยู่ในที่ร้อนมากๆ ก็จะตายนั่นเอง

ความวิเศษของการตายแบบตายเองนี้ มีคุณยิ่งตามธรรมชาติ เพราะเมื่อตายแล้ว ก็จะอืด เมื่ออืดก็จะเกิดความเป็นพิษบวม เปล่ง แล้วแตก เหมือนศพนั่นเอง สิ่งนี้จะทำให้เกิดการกระจายของพิษไปติดกับเซลล์มะเร็งอื่น

เสมือนปลาเน่าตัวเดียวตายทั้งข้อง ฉันใดฉันนั้น เซลล์มะเร็งที่ตายตามธรรมชาติ จะก่อให้เกิดพิษ ทำให้ตัวอื่นตายไป แล้วก็จะลุกลาม ไปทุกพื้นที่ หลังจากนั้น ร่างกายก็จะกำจัดของเสียอันนี้ออกตามธรรมชาติ

คนเป็นมะเร็ง ที่ใช้แนวทางสมุนไพร เมื่อถึงระยะหนึ่ง ก็เป็นธรรมดา ที่บริเวณที่เป็นจะบวม เพราะเซลล์มะเร็งเริ่มตาย และร่างกายก็จะเริ่มขับของเสีย มีเลือด น้ำเหลืองไหลออกเป็นธรรมดา

หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนว่า ยิ่งออกยิ่งดี แลเลือดที่ออก เริ่มแรกก็จะเป็นเลือดเสียทั้งหมด จึงมีสีและกลิ่นรุนแรง และจะค่อยๆ กลายเป็นสีแดงขึ้นเรื่อยๆ ตามสภาพที่ฟื้นฟูกลับมา เมื่อฟื้นฟูหมด ร่างกายก็จะสร้างเนื้อกลับมาเหมือนเดิม

จึงไม่แปลก ที่คนป่วยมะเร็งเต้านม หลายท่าน เมื่อร่างกายสะสมสมุนไพรและแก้ไข อาจจะเริ่มมีรอยแดงช้ำ แล้วบวมขึ้น จนเปล่ง แล้วแตกออก หลังจากนั้นร่างกายก็จะดันก้อนเซลล์มะเร็งออก ระหว่างนี้ก็มีกลิ่นแรง กว่าจะหลุด น้ำตาเล็ดไปหลายกระป๋อง จนบางคน กล่าวว่า ยิ่งกว่าคลอดลูกสามคนรวมกันเสียอีก แลสามีบางคนถึงกับเอาก้อนเซลล์มะเร็งไปเผาไฟ เพราะความแค้นก็มี

หลักธรรมชาติ จึงต้องอาศัยความขันติอดทนมหาศาล แต่สิ่งที่เห็นได้เด่นชัด นั่นคือ ไม่มีผลเสียใดๆต่อร่างกาย

จึงไม่แปลกที่ว่า ทำไมสมุนไพรสูตรพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ทานไปเถอะ เหมือนอาหาร ไม่มีจำกัดปริมาณ ทานมาก ร่างกายก็จะไปสะสมเก็บไว้

และนั่นก็คือหนทางแห่งความประมาท ที่หลายคน เมื่อหยุดทานสมุนไพร ก็ยังมีสภาพที่ดีอยู่ จึงคิดว่าตนไม่ต้องทานแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว แท้ที่จริง ยังมีสมุนไพรสะสมอยู่ในร่างกายตนนั่นเอง ผ่านไปสักระยะ เมื่อหมดคลัง ความเลวร้ายก็จะกลับมาเยือน ทีนี้ลำบากแล้ว เพราะจะกลับมาทานอีกครั้ง เชื้อก็พัฒนาอาจดื้อสมุนไพรแล้วก็เป็นได้

ความวิเศษของสมุนไพร ที่ไม่ใช้การฆ่า หากแต่สามารถเร่งความแก่ และความตายให้เชื้อโรค เพื่อให้ตายเหมือนธรรมชาติ และสร้างพิษให้แก่พวกตน วิธีการแบบนี้ นักวิทยาศาสตร์ไม่มีทางค้นพบอย่างแน่นอน

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า การฟื้นฟูตน ด้วยสมุนไพรสูตรพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงเป็นหนทางที่เฉียบขาด มีแต่ผลดี ปลอดภัยที่สุด เพราะพระภูมี เป็นผู้เดียวที่ตรัสรู้ ความจริงของธรรมชาติ นั่นเอง

ส่วนหมอผี พิธีกรรม นั่นยิ่งเป็นการเพ้อฝัน คิดเอาเอง พอความจริงปรากฎ ความเจ็บมาถึง ก็รู้เองว่าฝันไป ว่าหาย

หนทางเดียวที่ลดต้นตอการเกิดโรค แม่ชีเมี้ยนจึงชี้ให้พิจารณา ว่า อยู่ที่นิสัย ... ลดนิสัยได้ ไม่ว่าโรคอะไรก็ไม่เหลือ เพราะร่างกายก็เสมือนจักรวาล จักรวาลหนึ่ง หากไม่มีลมพายุอารมณ์โหมกระหน่ำ จักรวาลก็สมดุลย์ ความเสียหายคือโรคก็ไม่มีทางบังเกิด

ดูความจริงจากโลกที่เราท่านอยู่ แค่ลมหนาวแปรปรวนจากขั้วโลก เล่นเอาอากาศป่วนไปทั่วโลก เห็นๆกันอยู่ จักรวาลในตัวเราท่านก็เช่นกัน หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เจอลมพายุอารมณ์ สร้างสภาวะป่วนปั่น ระบบก็รวน เกิดกรด ต่อมไร้ท่อ ไม่ทำงาน นั่นและเหตุแห่งโรค ... นิสัยตนนั่นเอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44