มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงไม่แปลกยามมีชีวิต จึงมีพี่น้อง ญาติมิตรสหายมากมาย
ยิ่งมีพวกมาก ก็ย่อมมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้มาก
แต่เรื่องของชีวิต เมื่อพิจารณาลึกไปถึงวิญญาณ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า เป็นเรื่องเฉพาะตัว
วิญญาณ เป็นเรื่องโดดเดี่ยว ไม่มีใครช่วยหรือเกื้อกูลได้ อยากได้ต้องทำเอง
เมื่อวิญญาณออกจากร่าง สังคมที่สร้างไว้ ก็ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เหลือแต่วิญญาณตน สิ่งที่สร้าง ดิ้นรนหามาทั้งชีวิต ก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย
เหลือเพียง กรรมดี กรรมชั่ว หรือ บุญ ที่สร้างไว้ยามมีชีวิตแค่นั้นเอง
พระภูมีชี้ให้เห็นความจริงข้อนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนว่า เมื่อมาพบศาสนา จึงไม่มีใครอื่นเลย นอกจากตัวของเรา ใจของเรา กับพระภูมีเท่านั้นเอง
จุดประสงค์ในการมาแผ่นดินของศาสนา จึงไม่ได้มาเพื่อสร้างสังคม ไม่ได้มาเพื่อพบคนอื่นใด เพราะผู้ที่จะช่วย มีเพียงธรรมคำสอน ที่หลวงพ่อนิพนธ์รับจากแม่ชีเมี้ยนมาให้เท่านั้นเอง
เหตุใดการเดินของเราท่านในการฟื้นฟูตนจึงล่าช้า หรือไม่ก้าวหน้าอันใดเลย ก็เพราะลืมความจริงข้อนี้ไปนั่นเอง
ด้วยนิสัยกรรมที่สั่งสมมานาน แลขาดสติ เมื่อมาถึง นิสัยเดิมก็กลืนกิน เดินเลยเจตนาที่จะมาทำตามธรรมคำสอนเพื่อช่วยตน กลายมาเป็นมาเพื่อคุยเรื่องที่ตนชอบ มาเพื่อธุรกิจ มาเพื่อของถูกกว่ากันไม่กี่บาท ...สิ่งที่ตั้งเจตนามา เลยกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่ให้ความสำคัญ
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกเคล็ดในการฟื้นฟูตน ว่า ควรทำตนเสมือนตนตายไปแล้ว ไม่สามารถคุยกับใคร ไม่มีญาติ มีแต่ตน แล้วฟังคำสอน พิจารณา แล้วทำตาม
ธรรมเป็นของสูง ยกวิญญาณขึ้นสูงได้ เมื่อใจสูง
ถามตนเองบ้าง ไปมูลนิธิเจอธรรมคำสอน ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จากหลวงพ่อนิพนธ์ที่สอนแล้วเก็บมาใช้นำตนบ้างหรือยัง
นั่นคือ ในตนของเรามีนิสัยพระภูมีบ้างแล้วหรือยัง หากว่ายัง การมาก็เสียเปล่า
นี่แลจึงเป็นเหตุว่าทำไมแผ่นดินศาสนา จึงมีแต่ความสงบ
ก็เพราะทุกคนที่ไปหาพระภูมี เขาทำตน เสมือนมีตัวเขากับพระภูมีสองคนเท่านั้นเอง ถึงจะมีผู้คนรายรอบมากมาย ก็เสมือนไม่มี เพราะสิ่งที่มุ่งมาดปรารถนา คือ พระภูมี ตั้งสติ สงบ รอฟังคำสอน แล้วเอามาช่วยตน
คุยที่ไหน เวลาไหนก็ได้ ธุรกิจก็ทำที่ไหนก็ได้ สิ่งใดๆ ทำที่ไหนๆก็ได้ ... แต่เรื่องของชีวิต เรื่องของบุญ หากไร้ซึ่งพระภูมี ธรรมคำสอน และอยู่ในแผ่นดินของเขา ไม่มีทางได้สัมผัสบุญ แล้วจะเอาอะไรมาช่วยตน
เรื่องของวิญญาณ จึงเป็นเรื่องโดดเดี่ยว เวลาทุกข์ วิญญาณเราก็ทุกข์อยู่คนเดี่ยว จะหาใครช่วยแบ่งเบาไม่มีเลย แต่เวลาสร้างกรรม แห่แหนชวนกันทำ
คิดจะช่วยตน อย่าไปผูกติดกับใคร ฟังใครมาก เพราะคนที่จะช่วยให้รอด มีคนเดียวคือหลวงพ่อนิพนธ์
จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมพระต้องตัดทางโลก เปลี่ยนชื่อ แล้วเราท่านมาเดินตามรอย แม้นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม จะไม่ยอมตัดอะไรเลยหรือ แม้นแต่พฤติกรรมก็ยังเหมือนเดิมทุกประการ จะต่างกับคนทั่วไปอย่างไร มันจึงไม่รอดเหมือนกันนั่นแล
พระภูมี ได้ชื่อว่า "มนุษย์เหนือโลก" ไม่ว่ายตามกระแสกรรม เราท่านไม่ฝืนนิสัยแม้นแต่น้อยนิด ควบคุมตนสักหน่อย ให้เดินในรอยธรรมคำสอน หลวงพ่อนิพนธ์ก็ชี้ว่าแพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว
ใครว่า มียาดีทำให้หายโรคก็ว่ากันไป เชื่อกันไป แต่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า ทางเดียวที่แม่ชีเมี้ยนทรงตรัส ในการช่วยตนให้หายโรค นั่นคือ "ลดนิสัย"