วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2559

รู้ได้เฉพาะตน

ทำไมเรื่องของศาสน์ จึงไ่ม่ถูกเขียนเป็นตำรา ในสมัยยุคพุทธกาล พูดให้เข้าใจง่าย ก็คือ เขียนเพื่อให้เป็นวัตรปฏิบัติ จะได้ไม่ผิดเพี้ยน

หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ศาสน์ เป็นเรื่องของอำนาจเฉพาะตน นั่นคือ อำนาจธรรมที่พระพุทธเจ้าถือ เมื่อสิ้นสุดลมหายใจ ก็คือ สิ้นสุดอำนาจ

นั่นหมายความว่า หลังจากการดับขันธ์ จะไม่มีอำนาจธรรม ที่ทำให้คนบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้อีกแล้วนั่นเอง

ประวัติศาสตร์จึงจารึกไว้ว่า สงฆ์สาวกองค์สุดท้าย ก็คือ องค์ที่ประทานอนุญาตให้บวชในวันสุดท้ายก่อนดับขันธ์ เป็นองค์ที่แปดหมื่นสี่พัน นั่นเอง หลังจากนั้นไม่มีแล้ว

ด้วยเป็นเรื่องของอำนาจประการหนึ่ง และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นคือ แต่ละบุคคลต่างกรรมต่างวาระ จะเอาเหมือนกันนั้นไม่ได้เลย

หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้เห็นว่า ธรรมของพระภูมีจึงทรงโปรดคนทุกหมู่เหล่า ทุกประเภท จุึงปรากฎเป็นธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ให้แต่ละบุคคลนั่นเอง

เมื่อเรามาใช้ธรรมหมวดสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ฟังเขาเล่า เห็นเขาเป็น ก็จะทำแบบเขา แล้วหายแบบเขา จะได้หรือ

ดูสิ คนนั้นไม่เห็นต้องทำอะไรเลย ทานสมุนไพรหายวันหายคืน พิจารณาแต่สิ่งที่ตนเห็น ไม่รู้ว่าคนที่ทำตนหาย เขาทำอะไรไปบ้าง ก็เอะอะ จะเอาแบบเขา เห็นเขาอาการหนักกว่าตน ทานไม่นานก็หายแล้ว ตนก็จะเอาบ้าง กำหนดกฎเกณฑ์เองว่า ต้องเท่านั้นเท่านี้วัน อาการต้องดีขึ้น แค่นี้วันต้องหาย

ก็ต่างคนต่างกรรม ต่างวาระ ต่างการกระทำ จะเอาแบบเดียวกันเป็นไปไม่ได้เลย ศาสน์เขาไม่ตามนิสัยเราท่านหรอก

แลเมื่ออาการที่ปรากฎ จะอธิบายสักฉันใด คนอื่นก็ไม่รู้ จะให้เขาทำเหมือนตน ก็อาจจะไม่เป็นผลเหมือนตน จึงใช้ได้เป็นแนว แต่เอาเป็นบันทัดฐาน ที่เหมือนกันไม่ได้แน่

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ทำ ก็อาจจะทำให้คนอื่นไม่เข้าใจ เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

เราจึงอยากยกตัวอย่างครอบครัวหนึ่งมาให้พิจารณา เริ่มจากฝ่ายสามี ที่เป็นเรียวแรงหลักในการทำมาหากิน จนอายุย่างเข้าวัยชรา ก็ปรากฎว่า ตนเองนั้นเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็ไปหาหมอเพื่อรักษา

ผ่านไปหลายปี จากเริ่มเป็น จนท้ายที่สุด หมอก็ตัดสินใจแจ้งแก่สามีว่า อาการที่เป็นถึงขั้นระยะสุดท้ายแล้ว ดูจากอาการ หมอแนะนำว่า ให้เลิกทุกสิ่งอย่าง ใช้เวลาที่เหลืออีกไม่มากไปทำตามความอยากที่อยากทำ เพราะคงเหลือเวลาไม่มากแล้ว และหมอก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ต้องมาพบหมออีก

สามีทำการค้า ผ่านหน้ามูลนิธิทุกวัน มีลูกค้าเป็นสมาชิกมูลนิธิก็หลายคน ได้ยินได้ฟังมา แต่ไม่เคยสนใจ จนวันที่หมอแจ้งอาการสุดท้าย ก็ตัดสินใจมามูลนิธิ

ผ่านไปไม่กี่เดือน สภาพอาการที่เป็นก็ไม่ทรุดลง จึงตัดสินใจ ยกธุรกิจ และโอนทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้ภรรยา ด้วยคิดว่าตนคงไม่รอดแน่ตามหมอบอก

ตั้งหน้าตั้งตามาทานสมุนไพร โดยหารู้ไม่ว่า สร้างความโกรธแค้นให้ภรรยา ที่สามีไม่ไปช่วยทำธุรกิจ แล้วมางมงายทานสมุนไพร แทนที่จะไปหาหมอ

ความไม่พอใจของภรรยา เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมีปากเสียง ฝ่ายสามี ก็มาทานสมุนไพร ผ่านไปปีแล้วปีเล่า จนความอดทนของภรรยาถึงที่สุด ก็ไม่ให้เงินสามีใช้ ต้องไปขอลูกๆ พอประทังตน

ท้ายที่สุด ภรรยา ก็พาลหาเรื่องทุกวัน กลายเป็นฝ่ายสามีต้องยอมที่จะหยุดทานสมุนไพรเป็นพักๆ ช่วงที่ทะเลาะกันรุนแรง เพื่อให้เรื่องสงบ

เผลอนิดเดียวผ่านไปสิบปี สามีก็แอบมาทานสมุนไพร และเป็นจิตอาสา ตามโอกาสที่หาได้ สร้างความระอาให้ภรรยา จนตีโพยตีพาย ไปกับทุกคนที่โทรหาสามี และหาหนทางที่จะทำให้สามีไม่มามูลนิธิให้ได้

จวบจนวันนี้ ภรรยา ได้รับคำบอกจากหมอ เช่นเดียวกับสามีในอดีต นั่นคือ การเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หมอให้ทำใจ หมดทางรักษา

สามีก็เกลี้ยกล่อมภรรยา ให้มามูลนิธิ ด้วยจะสู้ต่อไปทางการแพทย์ ก็เสมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เงินทองที่มีก็คงไม่พอ และคงต้องเป็นหนี้สินในยามชราวัยแปดสิบเช่นนี้ แทนแน่

ความคิดขอภรรยา ต่อสามีก็เปลี่ยนไป ทุกวันนี้ สองสามีภรรยา ก็พากันมามูลนิธิ ด้วยกันทุกวันพฤหัส และอาทิตย์

บทสรุป เรื่องของศาสน์ หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวว่า เป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน ใครไม่เจอก็ไม่รู้ ความเจ็บที่เกิด ใครก็ช่วยผ่อนไม่ได้เลย และการช่วยตน จะเอาแบบคนอื่นก็ไม่ได้ อยากช่วยตน ก็ต้องทำเอง

เมื่อไม่เจ็บ ไม่เห็นโลงศพ ก็ไม่ซึ้ง จึงไม่แปลกเลยว่า ทำไมคนที่ยังไม่เจอปล้องกรรม โรคยังมาไม่ถึง เขาจึงไม่เห็นคุณค่า เพราะเขาเหล่านั้น ไม่คิดว่าตนจะมีวันนี้ไง

สิ่งที่เราท่านกำลังทำ จึงไม่จบเพียงแค่ตน อย่างน้อย ก็เป็นที่พึ่งของคนที่เราท่านรักในวันข้างหน้า

ส่วนความเห็นที่ไม่ตรงกัน ย่อมเป็นธรรมดา เพราะสิ่งที่ดีที่เกิด เป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตนของคนป่วยเท่านั้นเอง

อย่าไปเสียเวลา เถียงกันว่าทางไหนดี ผลแห่งการกระทำจะเป็นเครื่องชี้วัด หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ทำผิดผลผิดก็เกิด ทำถูกผลถูกก็เกิด จะหลอกลวงสักฉันใด สร้างภาพสักฉันใด เมื่อผลผิด คือ การไม่รอด มันเห็นกันอยู่ จะบอกได้อย่างไรว่าทางนั้นดี แลเช่นกัน หากผลถูกคือ คนรอดมีให้เห็น ใครจะว่าผิดก็ช่างเขา คนมีป้ัญญาเขาพิจารณาได้

ท้ายที่สุด หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้รอยที่พระพุทธเจ้่าทุกพระองค์ทำให้ดู นั่นคือ อยากจะช่วยผู้อื่น ต้องช่วยตนของตนให้รอดก่อน จึงจะมีความรู้ที่ถูก ไปช่วยผู้อื่นได้

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44